หมวดหมู่

วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

CHAPTER 17 : NC

"เราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่าครับ..."
"..."
มายุสุมิไม่ได้ตอบอะไร เขาจ้องมองใบหน้าหวานด้วยสายตานิ่งงันไร้ความรู้สึกใดๆบนแววตา ฝ่ามือหนาของเขาค่อยๆยื่นมาสัมผัสที่ฝ่ามือบอบบางอย่างแผ่วเบา ก่อนที่จะค่อยๆดึงมือเล็กทั้งสองข้างออกจากชายเสื้อของเขาอย่างนุ่มนวล
คุโรโกะรู้สึกหน้าชาเมื่อโดนปฏิบัติใส่ด้วยท่าทีอันเย็นชา แต่กระนั้นคนตัวเล็กก็ยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน ความรู้สึกอันแสนคุ้นเคยเมื่อครู่มันตราตรึงอยู่ในความรู้สึกและถูกผูกมัดติดไว้กับความทรงจำสีเทาหมอง แม้จะพยายามนึกจนหัวแทบระเบิดก็นึกไม่ออก ฉะนั้นเขาจะไม่ไปไหนจนกว่าชายตรงหน้าจะเปิดปากตอบสิ่งที่เขาถามออกไปให้ชัดเจน...
“ขอร้องล่ะครับ ได้โปรดช่วยตอบผมที...” เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มตัวสูงกว่า ดวงตากลมโตสีฟ้าอ่อนนั้นเต็มไปด้วยความอ้อนวอนสะท้อนอยู่ภายใน ยิ่งมองชายหนุ่มตรงหน้ามากเท่าไรก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความคุ้นเคยบางอย่าง ตอนนี้เขาเพียงแค่ต้องการการยืนยัน....ยืนยันบางสิ่งบางอย่างในใจที่ตัวคุโรโกะเองก็ไม่อาจรู้ได้ว่ามันคืออะไร...
“...”
ราวกับเป็นใบ้ ชายหนุ่มนั้นไม่เอื้อนเอ่ยตอบอะไรแม้เพียงคำเดียว นัยน์ตาสีเทาหม่นของเขาสะท้อนภาพใบหน้าของคุโรโกะอยู่บนนั้น แต่ทว่ากลับไม่มีการตอบรับอันน่าเห็นใจถูกส่งมาให้ คนตัวเล็กเม้มริมฝีปากบางจนเป็นเส้นตรงพลางเริ่มก้มหน้าลงน้อยๆ ความเงียบอันแสนเย็นชาค่อยๆวิ่งล้อมเข้ามากัดกินหัวใจของคุโรโกะทีล่ะน้อย
ขอร้องล่ะ...
...จะเป็นคำตอบว่าไม่ก็ได้ แต่ว่าได้โปรด...
ช่วยตอบเขาทีเถอะ...
“เราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่าครับ...งั้นหรอ”
ครั้นเสียงทุ้มดังขึ้นคุโรโกะก็รีบเงยหน้าขึ้นมองด้วยความหวังอันริบหรี่ในแก้วตา มายุสุมิเหลือบตามองคุโรโกะด้วยแววตาเฉยชา ก่อนที่เขาจะหันหลังให้แล้วเดินไปทางหน้าต่างอันมีแต่คราบฝุ่นเกาะอยู่ตามกระจก นัยน์ตาสีควันบุหรี่ทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงแดดอุ่นๆยามบ่ายตกกระทบลงมาบนผิวหน้าของอีกฝ่ายเล็กน้อย
“นั่นเป็นคำถามที่โง่มาก” เขาเอ่ย “คนที่จะถามคำถามนี้ได้ต้องแน่ใจกับตัวเองก่อนว่านายเคยเจอคนๆนั้นจริงหรือเปล่า”
มายุสุมิหันเสี้ยวหน้ากลับมามองคุโรโกะ ดวงตาอันคมกริบมองทะลุเข้ามาราวกับจะทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจ “ฉันไม่เคยเจอนายมาก่อน และฉันก็แน่ใจว่าไม่เคยเดินผ่านนายที่ไหนมาก่อนเช่นกัน”
“ถึงอย่างนั้น...”
“นั่นคงเป็นคำตอบที่น่าพึงพอใจสำหรับนายแล้วนะ เอาล่ะ...ไปได้แล้ว”
“ตะ...แต่ว่า!” แม้จะถูกออกปากไล่อย่างเย็นชา แต่คนตัวเล็กยังคงดื้อรั้น “ผมรู้สึกคุ้นเคยจริงๆนะครับ เหมือนกับว่าผมกับคุณเคย...”
“รู้จักกันมาก่อน”
มายุสุมิพูดตัดบทคุโรโกะเสียเฉยๆ คนตัวเล็กนิ่งไป ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะชายหนุ่มต่อประโยคให้เขาเสร็จสรรพ มายุสุมิถอนหายใจเล็กน้อยกับเด็กดื้อตรงหน้า ก่อนจะเปิดริมฝีปากตอบอย่างใจเย็น
“ถ้านายจะยังคงยืนยันแบบนั้น ฉันก็คงจะตอบนายได้แค่ว่า...นายจำคนผิดแล้วล่ะ”
“ตะ...แต่”
“นายบอกว่านายรู้สึกคุ้นเคยกับฉันสินะ” เขาเอ่ย “นั่นเป็นความรู้สึกสามัญที่ไม่ว่าใครก็เป็นกันได้ รู้สึกคุ้นๆ? เหมือนเคยผ่านมาทางนี้? เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน? ความรู้สึกเหล่านั้นไม่ว่าใครก็เป็นกันได้ทั้งนั้น”
คุโรโกะกำมือทั้งสองข้างแน่น นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนจ้องมองชายตรงหน้าอย่างยอมแพ้ แต่บางสิ่งบางอย่างที่หน่วงในใจยังคงไม่เลือนหายไป “มันไม่เหมือนกันนะครับ...”
“...”
“เรื่องที่คุณพูดมาเมื่อครู่น่ะผมเข้าใจ แต่สิ่งที่ผมรู้สึกกับคุณน่ะมันไม่ใช่อารมณ์เดจาวูอะไรแบบนั้น” มือบอบบางยกขึ้นมาสัมผัสที่หน้าอกข้างซ้ายอย่างแผ่วเบา “ความรู้สึกคุ้นเคยที่ผมมีต่อคุณมันสำคัญมากกว่านั้นครับ”
“...”
“และเพราะอะไรไม่รู้ ในใจของผมมันถึงได้...”
“...”
“รู้สึกดีใจจนแทบร้องไห้ที่ได้เจอคุณ...”
“...”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่อยู่ๆน้ำตาก็เหมือนจะไหล...คุโรโกะเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะพูดต่อเสียงสั่น
“ทั้งๆที่เราไม่รู้จักกัน”
ความเงียบงันวิ่งล้อมเข้ามากลืนกินทุกสิ่ง คุโรโกะจ้องมองผู้ชายตรงหน้าด้วยแววตาสื่อความหมายตรงกับสิ่งที่เอื้อนเอ่ย และไม่รู้ว่าตัวเขาตาฝาดไปเองหรืออย่างไร เขาถึงได้เห็นความเศร้าเจือปนอยู่ในแววตาของอีกฝ่ายด้วย แต่มันช่างเล็กน้อยมากเสียจนแทบมองไม่เห็น...
เมื่อเห็นว่าป่วยการที่จะดื้อดึงเอาคำตอบ คนตัวเล็กจึงตัดสินใจยอมแพ้ นั่นสินะ...บางทีฝ่ายที่คิดไปเองอาจจะเป็นเขาก็ได้ อีกฝ่ายก็ปฏิเสธชัดเจนซะขนาดนั้นก็คงจะไม่ใช่หรอก นี่เขายังจะมัวรอมัวหวังอะไรอยู่นะ...
...ลึกๆในใจคุโรโกะหวังว่าความคุ้นเคยนี้จะเป็นพี่ชายที่รักของเขา แต่ว่า...
ดูเหมือนจะไม่ใช่...
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ต้องขอโทษจริงๆที่รบกวน” เพราะไม่อยากเดินหนีออกไปเสียเฉยๆอย่างไร้มารยาท คุโรโกะจึงโค้งหัวลงน้อยๆพลางยกกระเป๋าขึ้นมากอดไว้แนบกาย ก่อนจะหันหลังเพื่อเตรียมที่จะเดินออกไปจากห้องนี้ ด้วยความรู้สึกหน่วงๆที่ยังคงค้างคาในใจ
...อยากกลับมาที่นี่อีก...
แต่ทว่าวินาทีที่ฝ่ามือเล็กกำลังจะยื่นไปสัมผัสที่ลูกบิดประตู เสียงทุ้มอันแสนเย็นชาแต่เจือความอ่อนโยนก็ดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบงัน ส่งผลให้คนตัวเล็กชะงักประหนึ่งโดนมนตร์สะกด
“ถ้าข้องใจ จะมาที่นี่เมื่อไรก็ตามใจ”
น้ำเสียงอันราบเรียบแต่ความหมายของคำพูดช่างเต็มไปด้วยความหวังที่รินรดหัวใจแห้งแล้งให้กลับมาชุ่มฉ่ำ คุโรโกะหันใบหน้าหวานกลับมามองมายุสุมิด้วยความดีใจที่มิอาจปกปิดมิด ดวงตาที่เหมือนจะร้องไห้เมื่อครู่กลับกลายเป็นดวงตาอันเปล่งประกาย คนตัวเล็กยิ้มกว้างก่อนจะโค้งหัวลงอยู่หลายครั้งเพื่อแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้ง
“ผมจะแวะมาที่นี่อีกแน่นอนครับ! ขอบคุณมากครับคุณมายุสุมิ!”
ชายหนุ่มเบือนหน้าหนีไปทางอื่นโดยไม่ได้พูดอะไร คนตัวเล็กคลี่ยิ้มบางๆ ก่อนจะโค้งหัวให้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วจึงวิ่งออกจากห้องไป เสียงฝีเท้าเล็กๆที่ย่ำกับพื้นกระเบื้องค่อยๆไกลออกไปตามระยะทางที่ร่างของคนผอมบางวิ่งไป จนกระทั่งไม่มีเสียงอันใดภายในที่สุด...
ชายหนุ่มค่อยๆหย่อนกายนั่งลงตรงริมหน้าต่าง นัยน์ตาคมกริบสีเทาหม่นเหลือบกลับมามองบานประตูที่เด็กน้อยคนหนึ่งเพิ่งเดินจากไป แววตาอันเฉยชาพลันแปรเปลี่ยนเป็นแววตาอันอ่อนโยน เสียงเรียกชื่อที่เด็กคนนั้นเรียกเขายังคงตราตรึงอยู่ในความรู้สึก...
“คุณมายุสิมิ...อย่างนั้นหรอ” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยออกมาประชดประชันแกมสมเพช ที่เหมือนจะเอ่ยให้แก่ตัวเองเสียมากกว่า “ไม่ชินกับชื่อเรียกนี้เลยจริงๆนะ...”
...ทั้งที่เมื่อก่อนนายเรียกฉันว่า...
“เมี้ยว~~~” เสียงร้องของเจ้าเหมียวตัวน้อยดังขึ้น เรียกความสนใจของชายหนุ่มให้หันไปมอง เจ้าแมวขนสีดำทมิฬตัวเมื่อครู่ค่อยๆก้าวเท้าทั้งสี่ของมันออกมาจากมุมมืดหลังชั้นหนังสือ แมวเหมียวเดินกะเผลกเล็กน้อยด้วยผลจากขาหน้าที่บาดเจ็บ มันส่งเสียงร้องอย่างเป็นมิตร ดวงตาคมสีฟ้าอ่อนของมันช้อนขึ้นมองมายุสุมิ
ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอเล็กน้อย ริมฝีปากหยักได้รูปเอ่ยปากทักทาย “มีอะไรเจ้าแมวน้อย?”
“เมี้ยว~” มันส่งเสียงร้องอีกครั้งก่อนจะกระโดดขึ้นมานั่งบนตักของชายหนุ่มอย่างคล่องแคล่ว ท่วงท่านั่งอันงามสง่าติดเชิดน้อยๆของมันอดที่จะทำให้มายุสุมิรู้สึกขำในใจเสียไม่ได้ ไหนจะนัยน์ตาคมที่จ้องมองเขาราวกับกำลังตำหนิ
“มีอะไรงั้นหรอ?”
ร่างสูงโปร่งไม่สนใจท่าทางอันเหมือนกำลังต่อว่าทางสายตาของมันแม้ปากจะถามแบบนั้นออกไปก็ตามที เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าสีพื้นๆออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะฉีกมันออกเป็นเศษผ้าผืนยาวขนาดใกล้เคียงกับริบบิ้นสั้นๆ แล้วจัดการนำผ้าที่ฉีกไปพันแผลบนขาหน้าของเจ้าแมวเหมียวให้อย่างแผ่วเบา มันนั่งนิ่งยอมให้เขาทำอย่างว่าง่ายโดยไม่มีท่าทีต่อต้าน พลางร้องครางในลำคอเล็กน้อยราวกับเป็นการเอ่ยขอบคุณ
“เอาล่ะ เสร็จแล้ว ขอโทษนะที่ทำให้ได้แค่นี้”
“แง้ว~” มันร้องเสียงประหลาด ปากเล็กๆอ้าออกโชว์เขี้ยวสีขาวอันเล็กจิ๋วบนริมฝีปาก มายุสุมิมองมันด้วยความสงสัย ภาษากายของมันเหมือนบอกเขาว่ามันกำลังไม่พอใจ แต่ก็อดที่จะรู้สึกขำไม่ได้
“อะไร? ฉันไม่เข้าใจหรอกนะ นายพูดภาษาแปลกๆแบบนั้น”
แมวน้อยมองไปที่ประตูเหมือนกับว่าพยายามจะสื่ออะไรบางอย่าง มายุสุมิมองตามสายตาของมันไป
“นายกำลังพยายามจะบอกฉันว่า...” ชายหนุ่มทำท่านึก “ฉันแสดงท่าทางใจร้ายกับคุโรโกะมากไปหรอ”
“เมี้ยว” เสียงร้องอันเป็นมิตรกว่าเมื่อครู่ก็เปรียบเสมือนคำตอบว่าใช่ ร่างสูงคลี่ยิ้มบางพลางหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย นัยน์ตาสีเทาคมกริบหลุบต่ำลง
“นายไม่เข้าใจ...” เขาเอ่ย “นายไม่เข้าใจความรู้สึกของฉันหรอก”
แมวเหมียวมองหน้าชายหนุ่ม พลางเอียงคอ มันคงคิดในใจว่าแน่ล่ะ เรื่องอะไรที่มันจะต้องไปเข้าใจความรู้สึกอันซับซ้อนของมนุษย์ด้วย ร่างสูงเดาใจมันได้ เขาลูบหลังคอมันอย่างเอ็นดู ก่อนจะค่อยผินหน้าไปมองนอกหน้าต่าง
“โชคชะตากำหนดให้เด็กคนนั้นต้องมาพัวพันกับเรื่องอันตรายแบบนี้ตั้งแต่เกิดแล้วล่ะ...” ฝ่ามือหนายื่นไปสัมผัสบริเวณหน้าอกข้างซ้าย ความรู้สึกร้อนประหนึ่งถูกไฟเผาวิ่งเข้ามาสุมในใจ “เด็กน้อยที่น่าสงสาร...ช่างไม่รู้อะไรเสียบ้างเลย”
...แต่ว่าบางทีไม่รู้อาจจะดีกว่า...
“แง้ว~” แมวเหมียวนั่งหาวอย่างไม่สนใจนัก พลางคิดในใจว่ามนุษย์นี่ช่างซับซ้อนจังเลยนะ ทำแต่ในสิ่งที่เข้าใจยากอยู่เรื่อย เหมือนกับปลาแห้งที่ไม่อร่อยอย่างไรอย่างนั้น
เจ้าเหมียวเดินท่วงท่าเชิดๆไม่สนใจ ก่อนจะล้มตัวนอนลงบนตักของชายหนุ่มอย่างสบายอกสบายใจ มายุสุมิก้มลงมอง พลางคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน ฝ่ามือหนายกขึ้นมาลูบขนนุ่มๆของมันอย่างเอ็นดู
“นี่ เจ้าเหมียว” เขาเอ่ยเรียกมัน “นายชอบคุโรโกะหรือเปล่า”
“เหมียว” เสียงร้องครางอันแสนน่ารักน่าชังบ่งบอกคำตอบของมันได้เป็นอย่างดีว่ามันตอบว่าอย่างไร
“งั้นหรอ นายชอบเขาสินะ...”
ภาพใบหน้าของเด็กน้อยแสนใสซื่อลอยเข้ามาในหัว ทั้งรอยยิ้ม ทั้งเสียงหัวเราะ ทั้งความรักความอบอุ่นและความอ่อนโยนที่เคยสัมผัส ภาพเหล่านั้นค่อยๆฉายซ้ำไปซ้ำมาในหัวของเขา ราวกับจะตอกย้ำให้เขาได้รับรู้ว่าใครคือคนที่เขาเฝ้าคิดถึงตลอดมา มันสะกดให้ชายหนุ่มต้องเม้มริมฝีปากแน่นเป็นเส้นตรง เลือดสีแดงสดไหลออกมาอย่างขมขื่นในใจ ของเหลวสีใสปริศนาอุ่นๆคลอบนดวงตาข้างซ้ายเพียงข้างเดียวของเขา ก่อนที่มันจะค่อยๆรินรดผ่านแก้มขาวเนียนอย่างเงียบงัน...
“ฉันเอง...” ณ วินาทีนั้นน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมาน “ ฉันเอง...ก็ชอบเขาเหมือนกัน”
เป็นเสียงที่แผ่วเบาราวกับกระซิบและมัน...
“คุโรโกะ...ฉันคิดถึงนายเหลือเกิน”
ช่างเต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมานยามที่กล่าวคำนั้นออกมา...
.
.
.
.
.
.
“รอนานไหมครับโองิวาระคุง” คุโรโกะเดินไปสะกิดไหล่บางของเด็กหนุ่มเพื่อนสนิท แต่เนื่องจากว่าคนตัวเล็กเดินเข้าหาโองิวาระจากทางข้างหลังอย่างเงียบๆ ไร้ซึ่งเสียงใดๆแม้แต่เสียงฝีเท้า จึงอดไม่ได้ที่จะทำให้อีกฝ่ายเผลอร้องลั่นออกมาด้วยความตกใจ
“เฮ้ย! โธ่ ตกใจหมด ถ้าอยู่ก็บอกกันก่อนสิคุโรโกะ” ครั้นหันมาแล้วพบว่าเป็นคนตัวเล็ก โองิวาระจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาก ในทางกลับกันคุโรโกะกลับทำแก้มป่องด้วยความไม่พอใจหน่อยๆ
“อะไรกันครับ เราอยู่ด้วยกันมาตั้งนานแล้วนะ ยังไม่ชินอีกหรอครับ?”
“นี่ๆ อย่าเพิ่งโกรธสิ นายจืดจางแถมยังเงาจางอย่างกับน้ำเปล่าแบบนี้ใครจะไปชินล่ะ แล้วก็นายยังเข้ามาสะกิดฉันจากข้างหลังอีก จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงกัน” โองิวาระแก้ตัวด้วยน้ำเสียงสดใสพร้อมรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้า เพื่อหวังจะให้คุโรโกะเลิกงอนตนเอง ซึ่งเกือบได้ผลทีเดียว...
“แต่ผมส่งเสียงแล้วนะครับ” คุโรโกะยังคงเถียงสู้อย่างไม่ยอมแพ้
ส่งเสียงแล้วไงเล่า ยังไงเสียร่างบางก็มาแตะเขาจากข้างหลังอย่างเงียบๆอยู่ดีนั่นแหละ โองิวาระอ้าปากตั้งท่าจะเถียงสู้ต่อ แต่ครั้นคิดได้ว่าคนตัวเล็กตรงหน้านั้นเป็นพวกที่เกลียดความพ่ายแพ้ยิ่งกว่าสิ่งใด มันก็ทำให้เขาต้องปิดปากลงแล้วเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มบางบนริมฝีปากแทน นิสัยติดดื้อและไม่ยอมแพ้แบบนี้ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่เขารู้สึกชอบคุโรโกะ...
“คร้าบๆ ผมผิดเองครับฝ่าบาท จะลงโทษอะไรโปรดสั่งมาได้เลย” ชายหนุ่มโค้งหัวลงอย่างนอบน้อมประหนึ่งท่าเข้าเฝ้าพระราชา แน่นอนว่าเจ้าตัวทำแบบล้อเล่นด้วยใบหน้าทะเล้น ซึ่งมันทำให้คนตัวเล็กจากที่งอนแก้มป่องเริ่มหัวเราะออกมา
“ฮะๆ อะไรกันครับนั่น ท่าประจำตัวหรอ?” ฝ่ามือบางยกขึ้นมาปิดริมฝีปากพลางหัวเราะด้วยใบหน้าแสนน่ารักน่าเอ็นดู โองิวาระยิ้มออกมาน้อยๆ รู้สึกดีใจที่ทำให้คุโรโกะยิ้มออก นั่นล่ะเรื่องถนัดของเขาเลย
“เอาเป็นว่าช่างเรื่องนั้นเถอะ อยากไปเที่ยวไหนล่ะ จะพาทัวร์เอง”
“เอ่อ...ถึงจะถามแบบนั้น” คุโรโกะทำท่าลำบากใจ ซึ่งอีกฝ่ายก็สามารถเดาได้อย่างไม่ยาก
“ไม่รู้จะไปไหนก่อนหรอ?”
คนตัวเล็กพยักหน้าขึ้นลงหลายครั้งด้วยใบหน้าติดจ๋อยน้อยๆ โองิวาระหัวเราะในลำคอด้วยความชอบใจ
"เป็นไรหรอกน่าเรื่องนั้น ค่อยๆเที่ยวไปก็ได้”
“ถ้าคุณว่าอย่างนั้นก็โอเคครับ”
โองิวาระคลี่ยิ้มบางๆ ถือเป็นความโชคดีในความโชคร้ายที่คุโรโกะไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้งกับเขา ทำให้เจ้าตัวไม่เคยสังเกตเลยแม้แต่น้อยว่านี่ไม่ต่างอะไรจากการเดทกันของแฟนเลย...แต่ว่าบางทีแบบนี้อาจจะดีกว่าก็เป็นได้
“หิวหรือยัง ไปหาของหวานกินกันไหม?”
“อะ...เอ่อ ก็ดีครับ ถ้างั้นเรารีบไปกันเถอะ” คุโรโกะพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม แต่ทว่าดวงตากลับดูลุกลี้ลุกลนแปลกๆ ร่างบางหันไปมองซ้ายมองขวามองข้างหลังอยู่บ่อยครั้งด้วยท่าทางหวาดระแวง ราวกับว่ากำลังกลัวคนตามมาอย่างไรอย่างนั้น
“เป็นอะไรหรอคุโรโกะ มีใครตามมางั้นหรอ?” โองิวาระทำหน้าสงสัย พลางเหลือบตามองไปรอบๆ
คุโรโกะสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะรีบยิ้มกลบเกลื่อน แล้วยื่นมือไปจับข้อมือคนร่างสูงให้รีบเดินตามมาด้วยกัน “มะ...ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมคงคิดไปเอง เอาเป็นว่าเรารีบไปกันเถอะครับ”
คนร่างสูงยังคงมีท่าทางสงสัยอยู่ พลางเอี้ยวตัวไปมองด้านหลังเป็นระยะ แต่ในเมื่อคุโรโกะพูดแบบนั้นเขาก็จะไม่ซักไซ้อะไรต่อ
“ว่าแต่อยากกินเครปหรือว่าไอศกรีมดีล่ะ?”
“กินเครปก่อนแล้วค่อยไปกินไอศกรีมครับ” เด็กน้อยร่างบางตอบด้วยสีหน้าราบเรียบพร้อมน้ำเสียงอันนิ่งเฉยอันเป็นเอกลักษณ์เหมือนเคย แต่มันก็อดไม่ได้ที่โองิวาระจะรีบหันหน้าขวับกลับมามองคุโรโกะด้วยสายตาอึ้งๆปนเอ็นดู คำพูดคำจาว่าจะกินทั้งสองอย่างราวกับเด็กช่างไม่เข้ากันกับใบหน้าอันเย็นชานั่นเสียเหลือ
“ไม่กลัวอ้วนหรือไง?”
“ไม่กลัวครับ ไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อยถึงต้องมากังวลเรื่องอะไรแบบนั้น”
“แต่เรื่องรูปร่างก็สำคัญนา~”
“น้ำตาลน่ะ ถึงกินเยอะแค่ไหนแต่ถ้าใช้สมองก็ไม่อ้วนหรอกครับ”
“เหตุผลข้างๆคูๆ”
โองิวาระแอบบ่นอุบอิบเบาๆ ทำเอาคนตัวเล็กหันกลับมาจ้องตาเขียว ชายหนุ่มจึงต้องรีบเปลี่ยนเรื่องแล้วพาเด็กน้อยขี้หงุดหงิดคนนี้ไปหาอะไรกินโดยเร็ว ไม่ฉะนั้นเขานี่แหละที่จะเป็นคนถูกกินหัวแทน...
โองิวาระเริ่มจากการพาคุโรโกะไปกินเครปก่อน โดยภายในตัวเมืองก็จะมีรถที่ขายเครปอยู่ตามข้างทางซึ่งมีคนต่อแถวยาวเหยียด บางคนที่ได้ขนมหวานมาไว้ในมือต่างพากันหัวเราะอย่างมีความสุข พลางถ่ายรูปอวดลงโลกโซเชียลกันอย่างสนุกสนาน
คุโรโกะมองตามเหล่าคนอื่นๆที่ถือเครปในมือด้วยสายตาปรารถนาอย่างมิอาจปิดบังมิด โองิวาระหัวเราะเสียงใสในลำคอด้วยความขำขัน เขาออกแรงกระชับข้อมือบางเล็กน้อยเพื่อให้คนร่างเล็กหันหน้ามาหาเขา
“รอแปบนึงล่ะกันนะ” คำพูดสื่อทางอ้อมว่าจะไปซื้อมาให้สะกดให้คนร่างบางพยักหน้าลงด้วยดวงตาเป็นประกาย ครั้นเห็นดังนั้นชายหนุ่มก็โล่งใจ เจ้าตัวจึงเดินไปต่อแถวเพื่อซื้อเครปมาให้เท็ตสึยะน้อย
คุโรโกะจ้องมองโองิวาระกำลังต่อแถวอย่างใจจดใจจ่อ ในใจเริ่มจินตนาการถึงความหวานของสตรอเบอร์รี่ มาชเมลโล่ มันคงจะเข้ากับดีกับความหวานปนขมของช็อกโกแลต กลายเป็นความลงตัวของรสชาติอันน่าสนุกสนานไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ทว่ายิ่งตั้งหน้าตั้งตารอคอยมากเท่าไรช่วงเวลาที่เหมือนสั้นก็มักจะดูเหมือยาวนานทุกครั้งไป คุโรโกะจึงตัดสินใจนั่งรอที่ม้านั่ง
“เฮ้อ~” คนตัวเล็กบิดขี้เกียจเล็กน้อย พลางนั่งคิดถึงเรื่องต่างๆ แน่นอนว่ามันมีเรื่องให้เขาคิดมากมาย ทั้งเรื่องของผู้ชายแปลกประหลาดอย่างอิมาโยชิ และผู้ชายปริศนาที่มีกลิ่นอายอันคุ้นเคยราวกับพี่ชายที่ไม่รู้จักของเขาอย่างมายุสุมิ แต่ทว่านั่นกลับไม่ใช่ปัญหาน่าหนักใจอะไรหากเทียบกับ...
...อาโอมิเนะ...
เจ้าตัวบอกเขาว่าจะโผล่มาขัดจังหวะการเที่ยวระหว่างเขากับโองิวาระ และจะขอติดสอยห้อยตามไปด้วยโดยที่ตัวเขายังไม่ได้อนุญาตและแน่นอนว่าชายหนุ่มไม่คิดจะฟัง คุโรโกะรู้สึกหวาดระแวงทุกครั้งตั้งแต่เมื่อครู่ ไม่รู้ว่าแวมไพร์ชั่วร้ายตัวปัญหานั่นจะโผล่มาเมื่อไร เห็นอีกฝ่ายบอกว่าสามารถตามกลิ่นเขาได้ ซึ่งคุโรโกะเชื่อมั่นว่านั่นไม่ใช่เพียงแค่คำพูดขู่เป็นแน่...ผู้ชายคนนั้นสามารถทำได้จริงๆ
ความจริงเขาก็ไม่ได้รังเกียจอะไร แต่ผลจากการที่ชายหนุ่มมาสารภาพรักกับเขาเมื่อคืนโดยที่เขาไม่ได้รู้สึกเฉกเช่นเดียวกันมันทำให้ให้เขารู้สึกอึดอัดใจ และอาโอมิเนะก็ดูเหมือนผู้ชายประเภทที่หากอยากได้อะไรก็ต้องได้ เจ้าตัวไม่สนว่าคุโรโกะจะคบใครหรือจะรักใคร แม้จะต้องขืนใจหรือใช้กำลังก็ต้องทำให้สิ่งที่ปรารถนามาอยู่ในครอบครองให้ได้ มีอยู่บ่อยครั้งที่ชายหนุ่มแสดงความหึงหวงและความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของที่มีต่อคนตัวเล็กจนมากเกินไปเสียจนน่ากลัว ลางสังหรณ์ของเขาร้องบอกว่าอาโอมิเนะจะต้องไม่ชอบใจแน่ที่เห็นเขาสนิทกับโองิวาระ นั่นจึงเป็นเหตุตุผลที่คุโรโกะไม่ต้องการให้คนทั้งคู่มาเจอกัน เพราะถ้าจะมีใครที่ต้องเจ็บตัวล่ะก็ คงจะมีเพียงแค่โองิวาระที่เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น...
...มนุษย์จะไปสู้แวมไพร์ได้อย่างไร...
โองิวาระเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่เขามี เป็นคนสำคัญ...เขาไม่ต้องการให้โองิวาระบาดเจ็บ
“ขอโทษที่ทำให้คอย” เสียงอันมาก่อนตัวทำให้คุโรโกะหลุดออกมาจากภวังค์ความคิด ร่างบางสะดุ้งน้อยๆก่อนจะปรับสีหน้าและท่าทางให้เป็นปกติ เขาเห็นชายหนุ่มกำลังวิ่งมาพร้อมกับเครปในมือหนึ่งอัน ก่อนจะยื่นเครปให้คุโรโกะด้วยรอยยิ้ม “เอ้า! ของนาย ไส้สตรอเบอร์รี่อย่างที่นายชอบ แล้วก็มีป๊อกกี้ด้วยนะ”
“ขอบคุณนะครับ เท่าไหร่หรอ” คนตัวเล็กกล่าวด้วยรอยยิ้มแก้มปริ ดวงตากลมโตจ้องของหวานตรงหน้าด้วยดวงตาระยิบระยับ ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเพื่อหาค่าเครปมาให้โองิวาระ ชายหนุ่มได้เห็นดังนั้นก็รีบโบกมือปฏิเสธอย่งรัวเร็ว
“ไม่ต้องๆ ฉันเลี้ยงเอง”
“เอ๊ะ แต่ว่า...”
“น่าๆ ไม่ต้องเกรงใจกันหรอก คราวก่อนนายยังเคยเลี้ยงฉันตั้งหลายครั้ง” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยรอยยิ้มจริงใจ คุโรโกะชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยตัดสินใจยื่นมือไปรับเครปมาไว้ในมือด้วยรอยยิ้มเกรงใจ
“ถ้าอย่างนั้น...ก็ขอบคุณครับ”
โองิวาระพยักหน้าขึ้นลงด้วยความพึงพอใจเมื่อเห็นคุโรโกะยินยอมรับน้ำใจของเขา คุโรโกะกัดเครปเข้าปากไปคำเล็กๆหนึ่งคำ ทันทีที่รสชาติความหวานปนขมของช็อกโกแลตแตะลงบนปลายลิ้น คนร่างบางก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างมีความสุข ก่อนจะเริ่มกินคำต่อๆไปอย่างเอร็ดอร่อย ซึ่งช่างเป็นภาพี่น่ารักน่าชังสำหรับคนมองไม่น้อย...
“ดีใจที่ชอบนะ” ชายหนุ่มกล่าว ก่อนจะนั่งลงข้างๆร่างบาง คุโรโกะจึงเพื่อสังเกตว่าอีกฝ่ายไม่ได้ซื้อเครปมาด้วย
“โองิวาระคุงไม่ซื้อกินบ้างหรอครับ?”
“ไม่ล่ะ ถ้าจะให้พูดฉันชอบกินไอติมมากกว่า”
“แต่เครปก็อร่อยนะครับ” คุโรโกะเอ่ยเสียงเบาประหนึ่งกำลังเถียง โองิวาระหันหน้ามามองใบหน้าหวานด้วยสายตายิ้มๆมีเลศนัย ก่อนจะเหลือบมองเครปในมือของคุโรโกะตรงบริเวณที่คนตัวเล็กเพิ่งกัดไป
“งั้นนายจะใจดีแบ่งให้ฉันชิมสักนิดนึงได้ไหมล่ะ?”
“เอ๊ะ” คนหน้าหวานส่งเสียงออกมาเล็กๆด้วยความตกใจ พลางสลับสายตามองระหว่างใบหน้าของชายหนุ่มกับเครปไปมาด้วยท่าทางชั่งใจ เจ้าตัวทำแก้มป่องน้อยๆก่อนจะยื่นให้อีกฝ่ายอย่างไม่เต็มใจ “แค่นิดเดียวนะครับ”
ชายหนุ่มนิ่งงันไปราวกับถูกสะกดเมื่อภาพตรงหน้ามันช่างน่ารักจนไม่อาจเบือนสายตาหนีได้ แม้ท่าทางอาจดูเหมือนเด็กเอาแต่ใจ แต่ทว่ามันกลับไม่สร้างความรำคาญให้แก่คนมองเลยแม้แต่น้อย มีเพียงความน่ารักและความเท่าซื่อนั้นที่ระบายอยู่บนแววตากลมโตดวงนั้น เด็กหนุ่มวัยแรกรุ่นสะดุ้งน้อยๆครั้นรู้สึกตัวว่าตนเองเผลอจ้องมองคนหน้าหวานนานเกินไป รู้สึกแก้มร้อนผ่าวอย่างไม่ทราบสาเหตุ เขายื่นมือไปสัมผัสที่มือบอบบางของคุโรโกะอย่างแผ่วเบา ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆเครปที่อีกฝ่ายถือไว้
อยู่ๆคุโรโกะก็ตัวสั่นขึ้นมาเสียเฉยๆ ร่างบางเขินจัดจนใบหน้าหวานกลายเป็นสีชมพูอ่อน รู้สึกได้ถึงอุณหภูมิอุ่นร้อนจากฝ่ามือและลมหายใจที่ชายหนุ่มกำลังสัมผัสเขาได้อย่างชัดเจน ไม่อาจเข้าใจได้ว่าหัวใจในหน้าอกข้างซ้ายที่กำลังเต้นตุบๆอยู่นั้นเป็นผลมาจากความรู้สึกอะไรกันแน่...
...นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกโองิวาระแตะเนื้อต้องตัว แล้วความรู้สึกปั่นป่วนบางอย่างในอกนี่มันมากจากไหนกัน...
ฝ่ามือหนาของชายหนุ่มค่อยๆเลื่อนมือบอบบางที่กำลังถือเครปขึ้น เพื่อให้ขนมหวานเคลื่อนมาใกล้ริมฝีปาก คุโรโกะจ้องมองริมฝีปากบางของโองิวาระด้วยความเขินอาย ครั้นเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มเกลี่ยริมฝีปากใกล้ชิดกับรอยกัดบนเครปมากเท่าไรหัวใจของเขาก็ยิ่งเต้นระรัวมากเพียงนั้น เพราะนี่มันก็ไม่ต่างจากการจูบทางอ้อมระหว่างเขากับชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย...
ตู้ม!
“!”
ทันใดนั้นเองเรื่องไม่อาจคาดฝันก็เกิดขึ้น เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเสียจนตามแทบไม่ทัน เมื่ออยู่ๆเครปในมือของคุโรโกะก็ถูกของบางสิ่งบาอย่างอัดกระเด็นจนมันตกลงไปกองเละเทะอยู่บนพื้นจนไส้ในกระจัดกระจาย คุโรโกะกับโองิวาระต่างพากันอึ้งไปทั้งคู่อยู่ชั่วขณะ ก่อนที่ทั้งสองจะกระพริบตาปริบๆใส่กันด้วยความงง แล้วค่อยเลื่อนสายตาไปมองเครปอันเละเทะบนพื้นคอนกรีตพร้อมกัน
“มะ...เมื่อกี้มันอะไรน่ะ?” โองิวาระที่ตั้งสติได้ก่อนเอ่ยถามออกไปด้วยความตกใจ พลางจ้องมองสิ่งที่เคยเป็นเครปด้วยสายตาอึ้งๆ
“มะ...ไม่รู้สิครับ” คนตัวเล็กเอ่ยเสียงสั่นเล็กน้อยด้วยความตกใจ แม้เมื่อครู่อาจไม่ได้ส่งเสียงออกมา แต่ทว่าจริงๆแล้วคุโรโกะรู้สึกตกใจมากจนร้องไม่ออกต่างหาก ในใจของเขามันเต้นระรัวจนแทบจะทะลุออกมาจากอก เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!
ทันใดนั้นดวงตากลมโตสีฟ้าครามก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งบางอย่างตกอยู่ใกล้ๆเครปอันเละเทะบนพื้นถนน คนตัวเล็กมองมันด้วยความสงสัย ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบมันขึ้นดูใกล้ๆ
“ก้อนหิน?” สิ่งที่คนร่างบางถืออยู่ในมือคือก้อนหินขนาดกลางที่ไม่เล็กมากแต่ก็ไม่ได้ใหญ่จนเกินไป หากกะน้ำหนักด้วยมือแล้วก็หนักไม่ใช่น้อย หากปามันมาจากที่ไกลๆด้วยความเร็วล่ะก็ การที่เครปที่ทำมาจากแป้งจะกระเด็นไปตกลงบนพื้นก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
และคนที่จะทำมันได้...
“โองิวาระคุง เรารีบไปกันเถอะครับ!” คุโรโกะเดินไปดึงมือโองิวาระให้ลุกขึ้น พลางเหลือบสายตามองไปรอบๆด้วยท่าทางหวาดกลัวปนหวาดระแวง
“เอ๊ะ อะไรกัน จู่ๆก็...” โองิวาระลุกตามคุโรโกะไปอย่างงงๆ คนตัวเล็กไม่มีเวลาอธิบาย ร่างบางยังคงหันซ้ายแลขวาอย่างแตกตื่น
“เรื่องนั้นไว้ก่อนครับ ตอนนี้เรารีบ...”
“คุโรโกะ! ระวังข้างหลัง!”
ปึก!
“โอ๊ย!”
เตือนยังไม่ทันขาดคำ คนตัวเล็กก็เดินชนบุคคลปริศนาเข้าอย่างจัง ร่างบางเซถลาล้มไปข้างหน้าจากแรงกระแทกอันหนักหน่วง ทว่าก่อนที่ใบหน้าจะลงไปกระทบกับพื้นปูนซีเมนท์ ข้อมือบางของเขาก็ถูกฝ่ามือปริศนาของใครบางคนคว้าเอาไว้ได้ซะก่อน
“อ๊ะ!” คนตัวเล็กเปล่งเสียงร้องออกมาเบาๆด้วยความตกใจ ร่างผอมบางค่อยๆถูกฝ่ามือหนาดึงขึ้นมากอดไว้แนบอกอย่างหวงแหน และทันทีที่แก้มนวลสัมผัสลงบนแผงอกหนาอันมีกลิ่นหอมอันคุ้นเคย มันก็สะกดให้คุโรโกะดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ
ใบหน้าหวานค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่อย่างเชื่องช้าด้วยดวงตาตื่นกลัวระคนหวาดหวั่น ไม่อาจภาวนาต่อพระผู้เป็นเจ้าให้ทำตามในสิ่งที่เขาหวังได้ เพราะทั้งกลิ่นและสัมผัสที่เขากำลังรับรู้อยู่ตอนนี้มันบอกเขาชัดเจน...ว่าผู้ชายคนนี้คือใคร
“ไงที่รัก หาตั้งนานแน่ะ” ชายร่างสูงโปร่งเอ่ยเสียงทุ้ม ฝ่ามือหนาเชยปลายคางกลมมนของคนร่างบางขึ้นอย่างนุ่มนวลแต่กลับออกแรงบังคับอยู่เบาๆ ริมฝีปากบางสีแดงสดโดยธรรมชาติยกยิ้มบนมุมปากอย่างมีเลศนัย
เด็กน้อยร่างบางตัวสั่นน้อยๆ มือบอบบางทั้งสองข้างกำเสื้อของอีกฝ่ายแน่นเสียจนยับยู่ยี่ ริมฝีปากเล็กค่อยๆเอ่ยนามของชายหนุ่มตรงหน้าออกมาอย่างสั่นเครือ
“อะ...อาโอมิเนะคุง”
...ไม่อยากเชื่อเลย ไม่จริงใช่ไหม...
เขาไม่ได้โกหก...เขาทำได้จริงๆ
“ทำไมคุณถึง...” คนตัวเล็กเอ่ยเสียงสั่น ใบหน้าหวานซีดไม่ต่างจากสีของกระดาษ ขัดกับอาโอมิเนะที่ยิ้มร่าอย่างผู้มีชัยเหนือกว่า เขารู้สึกดีไม่น้อยที่เห็นปฏิกิริยาของคุโรโกะเป็นไปตามที่ตนต้องการ ไหนจะใบหน้าของโองิวาระที่ซีดไม่ต่างกันอีก
…สนุกแน่งานนี้...
“เฮ้อ ใช้เวลานานเหมือนกันนะกว่าจะหาเจอ ไม่ได้อยู่ในหมู่ฝูงคนมานานแล้วซะด้วยสิ” อาโอมิเนะปล่อยคนตัวเล็กให้เป็นอิสระ พลางทำท่าบิดขี้เกียจ ดวงตาคมเฉี่ยวสีน้ำเงินไพลินเหลือบมองไปรอบๆอย่างสนอกสนใจ
ครั้นตั้งสติได้คุโรโกะก็ดึงคอเสื้อของอีกฝ่ายเข้าหาตัวทันที “คุณมาทำอะไรที่นี่ครับ!”
อาโอมิเนะยกยิ้มกวนประสาท “เมื่อคืนก็บอกไปแล้วไม่ใช่หรอ หืม?”
“ตะ...แต่ว่าผม!”
“ดะ...เดี๋ยวก่อน ขอแทรกหน่อยนะ” โองิวาระที่ยืนอึ้งอยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยแทรกกลางทั้งสองขึ้นมา เพราะเขารู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลยที่ถูกมองข้ามหัวอยู่แบบนี้ “คุโรโกะ นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะ?”
คนตัวเล็กทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่ออยู่ๆชายหนุ่มก็หันมาคาดคั้นตน ดวงตากลมโตจ้องมองแวมไพร์หนุ่มอย่างโกรธเคือง ก่อนจะค่อยเบนสายตาที่อ่อนลงกลับมามองใบหน้าของเพื่อนสนิท “เรื่องมันยาวน่ะครับ เอาเป็นว่า...” คุโรโกะเหลือบมองไปรอบๆ “เราไปคุยกันที่อื่นเถอะครับ ที่นี่คนเยอะเกินไป”
โองิวาระหันไปมองรอบๆเช่นเดียวกับคุโรโกะ และเขาก็เห็นว่าเป็นไปอย่างที่ร่างบางพูดจริงๆ ตอนนี้เขากำลังตกเป็นเป้าสายตาของผู้คน ไหนจะผู้ชายมาใหม่อันไม่ได้รับเชิญคนนี้อีก ทั้งผิวสีแทนและเรือนผมสีน้ำเงิน รูปร่างสูงใหญ่ แต่งกายด้วยชุดสีออกมืดมน แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะเป็นจุดโดดเด่นรวมสายตาของเหล่าฝูงชน
...และที่สำคัญเลยก็คือเขารู้สึกไม่ชอบใจผู้ชายที่ชื่อว่าอาโอมิเนะอย่างบอกไม่ถูก...
“ถ้านายว่าอย่างนั้น ฉันก็โอเค” ชายหนุ่มกระซิบบอก คุโรโกะพยักหน้ารับเป็นเชิงรับรู้ แม้จะไม่เต็มใจแต่ร่างบางก็หันไปพยักหน้าให้อาโอมิเนะเดินตามตนเองมาด้วย
แวมไพร์หนุ่มยิ้มร่าในใจอย่างสนุกสนาน ขัดกับอารมณ์ที่กำลังแอบปะทุน้อยๆด้วยความโกรธที่เห็นคุโรโกะไปสนิทกับคนอื่น ถ้าเป็นพวกแวมไพร์คนอื่นในคฤหาสน์เขายังพอทนได้เพราะเจ้าพวกนั้นก็ไม่ใช่ธรรมดา แต่ถ้าคนอื่นที่ว่าเป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดา...
...แค่อัดให้จมกองเลือดมันคงไม่พอ...
.
.
.
.
.
.
คุโรโกะตัดสินใจมาหยุดอยู่ที่คาเฟ่ของหวานแห่งหนึ่งในตัวเมือง ซึ่งค่อนข้างมีบรรยากาศอันเป็นส่วนตัวกว่าเมื่อครู่มาก คนร่างบางค่อนข้างรู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย แต่สิ่งที่ทำให้ร่างบางอึดอัดที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นการประสานสายตาระหว่างชายหนุ่มทั้งสองที่กำลังนั่งร่วมโต๊ะกับเขา...รังสีดำทมิฬอันดำมืดแสนน่ากลัวปกคลุมไปทั่วทั้งโต๊ะจนคนธรรมดายังจับสังเกตได้ ทำให้บริเวณโดยรอบไม่มีใครนั่งเลยแม้เพียงคนเดียว
ทั้งสองคนแสดงออกว่าไม่ชอบหน้ากันตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรกทั้งที่ยังไม่ได้เอ่ยปากคุยอะไรกันแม้แต่คำเดียว ระหว่างทางมาที่ร้านมีอยู่หลายครั้งที่แวมไพร์หนุ่มเดินมากระชากให้คุโรโกะไปเดินข้างๆตนเอง หรือแสดงท่าทางหึงหวงออกมาอย่างไม่ปิดบัง ถือวิสาสะโอบเอวโอบไหล่โดยเจ้าตัวไม่อนุญาต หรือไม่ก็แอบยื่นขาออกไปให้โองิวาระสะดุดล้ม แม้เด็กหนุ่มจะรู้ตัวเลยหลบทันแต่ก็ไม่พ้นหันกลับมาจ้องตาด้วยความไม่พอใจอยู่ดี ไหนจะตอนมาถึงร้านนี้อาโอมิเนะก็ชิงดึงคุโรโกะให้ไปนั่งข้างๆโดยไม่ถามเจ้าตัว เท่ากับว่านี่ยิ่งเป็นการราดน้ำมันใส่เปลวเพลิงร้อนๆให้ลุกโชติช่วงมากขึ้นไปอีก
ดวงตากลมโตสีฟ้าครามอ่อนเหลือบมองคนทั้งสองด้วยแววตาเป็นห่วงระคนกังวลใจ ได้แต่สงสัยในใจว่าทำไมทั้งสองจะต้องไม่ชอบหน้ากัน แม้เขาจะคาดเดาไว้อยู่แล้วว่าผลจะต้องออกมาประมาณนี้ แต่ก็ไม่นึกไม่เคยคาดฝันว่ามันจะ ‘มาก’ ขนาดนี้
ซึ่งนั่นคงจะเป็นเรื่องที่คนตัวเล็กไม่มีวันเข้าใจ เพราะก็เป็นอย่างที่อาโอมิเนะเคยกล่าวไว้...ทันทีที่ทั้งสองคนเจอหน้ากัน ต่างคนต่างก็รับรู้ได้โดยสัญชาตญาณโดยทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นคู่แข่งหัวใจ และไม่มีทางที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะยอมยกคุโรโกะให้ด้วยวิธีที่ใสสะอาดแน่โดยเฉพาะอาโอมิเนะ...
“เอ่อ...” ครั้นทนความอึดอัดไม่ไหวคนตัวเล็กจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากออกไปก่อน “คะ...คนๆนี้ชื่ออาโอมิเนะ ไดกิครับ เป็น...”
“ฉันเป็นแฟนเท็ตสึ”
พูดไม่ทันจบดีก็โดนขัดจังหวะขึ้นมาหน้าด้านๆ คุโรโกะหันกลับไปจ้องอีกฝ่ายตาเขียว ก่อนจะรีบยื่นมือไปปิดริมฝีปากบางของชายหนุ่มไว้ก่อนที่โองิวาระจะเข้าใจผิดไปกว่านี้
“มะ...ไม่ใช่ครับ! เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน” คุโรโกะพยายามอธิบายด้วยใบหน้าที่แสดงออกมาว่า ‘ผมกำลังพูดความจริงนะ’ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทางของคนตัวเล็กในตอนนี้กำลังมีพิรุธอย่างเห็นได้ชัดเจน
โองิวาระหรี่สายตามองคนทั้งสองอย่างไม่ค่อยเชื่อถือนัก “งั้นถ้าไม่ใช่แฟน แล้วเป็นอะไรกัน?”
“อะ...เอ่อ คือว่าเขาปะ...เป็นเพื่อนเจ้าของบ้านคนที่ผมอาศัยอยู่ครับ”
“ไหนนายบอกว่าย้ายไปอยู่กับญาติ? นี่ญาตินายอายุไล่เลี่ยกับนายเลยงั้นหรอ” โองิวาระเถียงด้วยใบหน้าจริงจัง คุโรโกะเริ่มไปต่อไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวจากตรงไหนดีโดยไม่ให้ถูกจับได้
“บะ...แบบว่า”แต่ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ไม่มีคำพูดไหนที่ฟังขึ้นเลยที่จะแวบเข้ามาในหัวของคุโรโกะ ยิ่งร่างบางอ้ำอึ้งนานเท่าไรความมีพิรุธและความไม่น่าเชื่อถือก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
“นายจะถามอะไรนักหนา ห๊ะ?” อาโอมิเนะที่เงียบอยู่นานพูดขัดขึ้นมาด้วยใบหน้าเอาเรื่อง ครั้นคุโรโกะจะหันไปห้ามปรามก็ดูเหมือนจะสายไปเสียแล้ว “เท็ตสึจะเป็นอะไรกับใครก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับนายนี่ นายมันก็แค่ ‘เพื่อน’ ไม่ใช่หรือไง”
โองิวาระได้ยินเช่นนั้นก็ไม่นั่งทนฟังเฉยๆ รู้สึกไม่ชอบใจที่โดนตอกย้ำถึงแผลใจในสถานะระหว่างตัวเองกับคุโรโกะ “แล้วไง? นายเองก็ไม่ได้เป็นอะไรกับคุโรโกะไม่ใช่หรอ แล้วนายล่ะมายุ่งอะไรด้วย”
“พูดให้มันดีๆนะ...” แวมไพร์หนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันน่ากลัวอย่างที่คุโรโกะไม่เคยได้ยินมาก่อน ดวงตากลมโตเหลือบกลับมามองอาโอมิเนะด้วยความหวาดระแวง ไม่มีคำว่าล้อเล่นอยู่บนแววตาของอาโอมิเนะเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังโกรธ...และก็โกรธมากด้วย
“พะ...พอเถอะครับโองิวาระคุง” แทนที่จะห้ามอสูรที่อารมณ์ไม่อาจเย็นได้ สู้ห้ามมนุษย์ที่ปรับอารมณ์ได้ง่ายเสียจะดีกว่า แต่ดูเหมือนไม่ว่าจะทางไหนก็มีแต่ผลลัพท์ที่เลวร้าย โองิวาระตวัดสายตาขึ้นมองคุโรโกะด้วยท่าทางไม่พอใจ เริ่มเข้าใจผิดว่าอีกฝ่ายออกตัวปกป้องอาโอมิเนะ
“ทำไม? ทำไมฉันจะต้องพอล่ะคุโรโกะ?!”
“คะ...คุณไม่เข้าใจ ตะ...แต่ว่าได้โปรดอย่าไปต่อปากต่อคำกับเขาเลยครับ ผมพูดเพื่อตัวคุณเองนะ” ใช่...แค่โองิวาระเป็นมนุษย์ก็แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มแล้ว...
“งั้นนายก็บอกฉันมาให้ชัดสิว่านายเป็นอะไรกัน เกี่ยวกับทุกๆเรื่องที่นายปิดบังฉันด้วย”
“ระ...เรื่องที่ปิดบัง?”
“นายเห็นว่าฉันโง่หรอคุโรโกะ เหอะ! น่าขำชะมัด โองิวาระ ชิเงฮิโระ เพื่อนงี่เง่าแสนโง่ของคุโรโกะ เท็ตสึยะ” ชายหนุ่มหัวเราะเยาะในลำคออย่างเย้ยหยันแกมประชดประชัน แม้ไม่รู้ว่าความโกรธพาไปหรืออย่างไรถึงทำให้ชายหนุ่มพูดแบบนั้นออกมา แต่มันกลับทำให้คนตัวเล็กรู้สึกร้อนผ่าวบริเวณดวงตา และรู้สึกหัวใจปวดร้าวอย่างทรมาน...
“โองิวาระคุง...ใจเย็นๆก่อนนะครับ คุณไม่เคยเป็นแบบนี้...”
“ใช่ ฉันไม่เคยเป็นแบบนี้ จนกระทั่งนายย้ายโรงเรียนนั่นแหละ!”
“เอ๊ะ...ทำไม...”
“ทั้งเรื่องบ้านนายไฟไหม้ การตายปริศนาของพ่อแม่ของนาย การหายตัวไปของพี่ชายของนาย รอยกัดปริศนาบนต้นคอ ไหนจะเรื่องย้ายโรงเรียนอีก ดูยังไงเรื่องทั้งหมดนั่นมันก็ไม่ปกติ! ฉันทั้งรอและอดทนเพราะคิดว่าสักวันนายจะบอกฉัน แต่ว่าก็ไม่!” โองิวาระเริ่มมีสีหน้าที่เดือดดาดอย่างที่ไม่เคยเป็น คนตัวเล็กเริ่มตัวสั่นเล็กน้อย เพราะเขาไม่ชอบให้ใครมาตะโกนใส่...โดยเฉพาะยิ่งอีกฝ่ายเป็นเพื่อนเขายิ่งเสียความรู้สึก
“โองิวาระคุง ได้โปรด...มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด” คุโรโกะเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้น พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ รู้สึกเจ็บปวดที่แม้ว่าอยากจะพูดออกไปมากแค่ไหนก็ไม่สามารถพูดออกไปได้ และที่น่าเจ็บปวดยิ่งกว่าก็คือ...
การที่อีกฝ่ายไม่เข้าใจถึงความเป็นห่วงของเขาที่มีต่อโองิวาระเลยแม้แต่น้อย...
“ผะ...ผมอยากจะบอกคุณนะครับ แต่ว่า...”
“แต่ว่าอะไร!”
โองิวาระตะคอกขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้คนตัวเล็กไม่อาจอดทนกลั้นน้ำตาไว้ได้ หัวใจดวงน้อยปวดร้าวอย่างที่ไม่เคยเป็น ความรู้สึกเสียใจมากมายถาโถมเข้ามาในใจ น้ำตาสีใสไหลผ่านแก้มขาวเนียนอย่างเงียบงัน คุโรโกะยื่นมือขึ้นมาปัดหยดน้ำตาบนใบหน้าของตัวเองอย่างเร่งรีบ บอกตัวเองในใจว่าจะต้องไม่ร้อง...แต่ยิ่งทำมากเท่าไรใบหน้าหวานก็ยิ่งเลอะเทอะเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา
...ทำไม ทำไมโองิวาระจะต้องตะคอกเขาด้วย...
เขาเพียงแค่...เขาก็แค่เป็นห่วงก็เท่านั้นเอง
...ทำไมอีกฝ่ายถึงไม่เข้าใจ
“ขะ...ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะ...ฮึก” ใบหน้าหวานอันน่าสงสารสะอึกสะอื้นราวกับเด็ก ครั้นโองิวาระได้เห็นเช่นนั้นก็เริ่มมีสติกลับคืนมา
“ขะ...ขอโทษนะคุโรโกะ ขอโทษที่ตะคอกนะ คือว่าฉัน...”
“มะ...ไม่ต้องพูดแล้วครับ...ฮึก”คนตัวเล็กสะอื้นไห้ทั้งน้ำตา ก่อนที่ฝ่ามือบอบบางจะปัดความหวังดีในมือของโองิวาระออกอย่างแผ่วเบา สร้างความเจ็บปวดให้แก่แววตาของชายหนุ่มไม่น้อย
“คุโรโกะ...”
“ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ ดะ...เดี๋ยวผมมา”
คุโรโกะขอตัวไปเข้าห้องน้ำโดยไม่ยอมสบตากับใคร ทำเพียงแค่ก้มหน้ามองลงพื้นพลางปัดน้ำตาบนใบหน้าออกอย่างขอไปที ดวงตากลมโตเริ่มปรากฏรอยแดงก่ำ มองจากข้างหลังเห็นเพียงแค่ไหล่บางที่สั่นไหวไปมาอย่างน่าสงสาร โองิวาระมองตามแผ่นหลังของคุโรโกะไปด้วยแววตารู้สึกผิด เริ่มรู้สึกโทษตัวเองว่าไม่น่าปล่อยให้อารมณ์พาไปเลย...
“น่าสมเพช...” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างหยามเหยียม ครั้นมองไปก็เห็นใบหน้าแสนกวนประสาทของอาโอมิเนะที่ยิ้มเยาะให้โองิวาระอย่างมีชัย
“อะไร...” แม้จะไม่พอใจ แต่ดูเหมือนว่าเขาคงจะต้องนั่งร่วมโต๊ะกับหมอนี่อย่างช่วยไม่ได้ “อะไรของนาย”
อาโอมิเนะหัวเราะเสียงทุ้มในลำคอ “นายนี่ไม่ได้เข้าใจอะไรเท็ตสึเลยจริงๆ”
“ฉันเนี่ยนะไม่เข้าใจเขา อย่ามาตลก ฉันเป็นเพื่อนกับหมอนั่นนะ”
“เพื่อนแล้วไง เพื่อนกันก็ใช่ว่าจำเป็นจะต้องบอกทุกเรื่องนี่”
“...” ชายหนุ่มเงียบไปเมื่อถูกจี้ใจดำ อาโอมิเนะยกยิ้มร้ายกาจบนมุมปาก ดวงตาคมเฉี่ยวเหลือบมองอีกฝ่ายอย่างผู้กำชัยชนะไวในมือเรียบร้อยแล้ว
“ฉันรู้ว่านายคิดยังไงกับเท็ตสึ...”
“ฉันเองก็รู้ว่านายคิดยังไงกับคุโรโกะ...”
“แล้วนายจะทำยังไง...”
โองิวาระนิ่งไปครู่หนึ่ง จ้องมองอีกฝ่ายด้วยแววตาไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแอบหวาดระแวงอยู่ไม่ใช่น้อย ยิ่งมองอาโอมิเนะมากเท่าไรเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่เหมือนมนุษย์...
“เป็นอะไรไป สงสัยในตัวฉันงั้นหรอ?” อาโอมิเนะยักไหล่อย่างด้วยรอยยิ้มกวนๆ
“ใช่ ฉันสงสัยในตัวนาย แต่ว่าฉันจะไม่ถามอะไรตอนนี้...”
“โฮ่ ฉลาดดี”
“แต่ว่านะอาโอมิเนะ...”
“มีอะไร?”
“นายเองก็ไม่ได้ต่างอะไรจากฉันหรอก” อาโอมิเนะขมวดคิ้วครั้นได้ยินเช่นนั้น
“นายหมายความว่ายังไง...”
“ฉันชอบคุโรโกะ แน่นอนว่านายก็ใช่ แม้ว่ามันอาจน่าอายที่จะยอมรับ...แต่ฉันไม่เคยสารภาพรักกับคุโรโกะ”
“เพราะนายมันขี้ขลาดยังไงล่ะ” แวมไพร์หนุ่มพยายามกลั้นเสียงหัวเราะแห่งความสะใจของตนไว้อย่างสุดความสารถ แต่มิอาจปิดบังรอยยิ้มเยาะเย้ยบนริมฝีปากบางได้ รู้สึกดีไม่น้อยที่ตนสารภาพรักคุโรโกะออกไปก่อนที่หมอนี่จะพูด
“ผิดแล้ว...”
แต่ทว่าคำพูดต่อมาของโองิวาระกลับทำให้อาโอมิเนะต้องหุบยิ้มลง “นายหมายความว่ายังไง?”
เด็กหนุ่มเหลือบตามองอาโอมิเนะอย่างชั่งใจ ทั้งสงสารและสมเพชในเวลาเดียวกัน...
“ที่ฉันไม่สารภาพรักกับเขา เพราะฉันรู้ดีว่าหมอนั่นไม่เคยรักฉันและจะไม่มีวันรัก ฉันยินดีที่จะให้ความสัมพันธ์อันกำกวมระหว่างฉันกับเขายังคงดำเนินต่อไป” โองิวาระสูดหายใจเข้าลึก รู้สึกเจ็บปวดไม่น้อยที่ต้องเอ่ยความรู้สึกของตนออกมาเป็นคำพูด “หากนายสารภาพรักกับหมอนั่นไปแล้ว ฉันคงไม่มีคำพูดอื่นให้นอกจากคำว่าขอแสดงความเสียใจด้วย”
“อะไร?”
“คุโรโกะไม่มีทางรักนาย และจะไม่มีวันรัก”
“!”
“ในใจหมอนั่นมีคนอื่นอยู่แล้ว คนอื่นที่หมอนั่นเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใคร”
“...”
“นายควรยอมรับในความพ่ายแพ้ของตัวเองนะ ถ้าแค่นั้นนายยังไม่ยอมรับก็เท่ากับว่านายแพ้ฉันแล้ว”
“ไม่มีทาง!!!”
เพล้ง!
อาโอมินะตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด พลางกวาดของที่อยู่บนโต๊ะลงไปกระจัดกระจายเต็มพื้นสร้างความวุ่นวายให้แก่ภายในร้าน ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่โต๊ะของชายหนุ่มทั้งสองเป็นตาเดียว โองิวาระดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ความพิโรทอันมากจนผิดปกติทำให้เจ้าตัวรู้สึกแปลกใจ ดวงตาของอาโอมิเนะเริ่มสลับระหว่างสีดำกับสีแดงราวกับปีศาจ เรียวฟันขาวขบกันแน่ และถ้าโองิวาระตาไม่ฝาด เขาคิดว่าเขาเห็นเขี้ยว...
“ไม่จริง! เท็ตสึจะต้องรักฉัน!” คำพูดของอาโอมิเนะช่างเหมือนกับคำสั่งมากกว่าคำตัดพ้อในความรัก เขาหันหน้ามาจ้องโองิวาระด้ยสายตาอาฆาตราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรกเขาก็ไม่เคยชอบใจหมอนี่อยู่แล้ว ยิ่งหมอนี่มาแสดงท่าทางอวดดี พูดจายโสโอหังเขาก็ยิ่งรู้สึกโกรธเกลียดผู้ชายคนนี้มากขึ้นเป็นเท่าตัว!
อาโอมิเนะเดินไปกระชากคอเสื้อของโองิวาระเข้าหาตัว พลางจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเอาเรื่อง “อย่ามาพูดจาเดาสุ่มมั่วๆนะไอ้หนู ไม่มีทางที่เท็ตสึจะรู้สึกแบบนั้นแน่”
โองิวาระมองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่พอใจ ฝ่ามือหนาพยายามจะแกะมือของอาโอมิเนะออกจากการดึงคอเสื้อของตน “นี่นายสับสนอะไรอยู่! ทำไมนายถึงต้องบังคับคุโรโกะขนาดนั้น!”
“ฉันไม่สน! เท็ตสึต่างหากที่ไม่เข้าใจ! ในเมื่อฉันรักเขาหมอนั่นก็จะต้องรักฉัน!!!”
ครั้นได้ยินเช่นนั้นโองิวาระก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป นี่อาโอมิเนะเห็นคุโรโกะเป็นอะไร คุโรโกะก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง จะรักใครชอบใครมันก็เป็นสิทธิ์ของเจ้าตัว อาโอมิเนะไม่มีสิทธิ์มาสั่งให้คุโรโกะชอบใครทั้งนั้น! เพราะมันก็เท่ากับว่าอาโอมิเนะไม่เคยให้เกียนติคุโรโกะเลย! เป็นเพียงแค่ความรักที่มีแต่การบังคับและกักขังเท่านั้น!
ฝ่ามือหนากำหมัดแน่นก่อนจะชกหน้าอีกฝ่ายด้วยแรงทั้งหมดที่ตนมี แรงกระแทกอันหนักหน่วงที่กระทบลงบนแก้มซ้ายส่งผลให้แวมไพร์หนุ่มเซถลาไปด้านหลัง แน่นอนว่าด้วยเรี่ยวแรงของมนุษย์ไม่อาจสร้างความเจ็บปวดได้ แต่การที่อีกฝ่ายต่อยหน้าเขามาแบบนี้ก็เท่ากับว่าเป็นการประกาศศึก!
อาโอมิเนะยื่นมือขึ้นมาสัมผัสบนแก้มซ้ายอันไร้รอยช้ำของตนอย่างนิ่งงัน ดวงตาคมสีน้ำเงินไพลินจ้องมองชายตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่า แต่ทว่ามันกลับเจือความน่ากลัวอำมหิตอยู่ภายในอย่างเต็มเปี่ยม
“แล้วนาย...” อาโอมิเนะชี้หน้าโองิวาระ “จะได้รับความทุกข์ทรมานที่เจ็บปวดยิ่งกว่าความตาย”
เขาพูดเพียงแค่นั้นก่อนจะเดินจากไป...เหลือเพียงแค่โองิวาระที่ยืนนิ่งอยู่เพียงคนเดียวด้วยสีหน้าสับสน ในใจหวาดระแวงและสงสัยว่าคำพูดทิ้งท้ายปริศนานั่นมีความหมายว่าอย่างไรกันแน่...
.
.
.
.
.
.
ซ่า ซ่า!
คุโรโกะกวักน้ำเย็นที่ไหลรินลงมาสาดใส่ใบหน้าของตนอย่างแผ่วเบา ของเหลวอันเย็นเยียบค่อยๆล้างของเหลวอันน่าสงสารออกจาใบหน้าหวานจนสะอาดหมดจด เหลือเพียงแค่รอยแดงบนดวงตากลมโตเท่านั้นที่เป็นหลักฐานว่าคุโรโกะผ่านการสูญเสียทางความรู้สึกมา
คนตัวเล็กเงยหน้ามองตัวเองในกระจกด้วยแววตาเศร้าหมอง นี่คือตัวเขาในตอนนี้งั้นหรือ...ช่างดูไม่ได้และน่าสมเพชเสียจริง ไม่เคยสังเกตจนกระทั่งมาถึงตอนนี้เลยว่าตนเองซูบผอมและซีดเซียวมากแค่ไหน นี่เขาดูอ่อนแอขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร...
คุโรโกะพยายามสูดหายใจเข้าลึกอยู่หลายครั้งเพื่อสงบอารมณ์และสติอันกำลังปั่นป่วนของตัวเองให้เข้าที่ ยกฝ่ามือขึ้นมาสัมผัสบริเวณหน้าอกข้างซ้าย หัวใจดวงน้อยยังคงเต้นไม่เป็นจังหวะ มันกำลังเต้นด้วยจังหวะสับสน ยามที่มันเต้นหนึ่งครั้งเขาก็รู้สึกหน่วงๆในอกอยู่ทุกครั้งไป…
“ต้องรีบกลับไปหาโองิวาระคุง...” ครั้นรู้สึกว่าอารมณ์ของตัวเองน่าจะคงทีแล้ว คุโรโกะจึงตัดสินใจจะกลับไปหาโองิวาระ แต่ทว่าเมื่อใบหน้าหวานเงยหน้าขึ้นมองภาพสะท้อนในกระจกร่างบางก็ต้องสะดุ้งโหยงออกมาด้วยความตกใจกลัว
“อะ...อาโอมิเนะคุง”
ภาพที่สะท้อนในกระจกนั้นคือภาพของอาโอมิเนะกำลังยืนอยู่ข้างหลังเขาด้วยใบหน้าน่ากลัวอย่างที่ไม่เคยเป็น รังสีอันตรายแผ่ออกมาจากตัวของผู้ชายคนนี้จนสัมผัสได้อย่างชัดเจน
คุโรโกะหันกลับมามองอีกฝ่ายอย่างกล้าๆกลัวๆ หัวใจที่เคยสงบลงพลันกลับมาเต้นระรัวด้วยความกลัวอีกครา...
“ทะ...ทำไมทำหน้าตาน่ากลัวแบบนั้นล่ะครับ โอ๊ย!”
อยู่ๆอาโอมิเนะก็จับข้อมือบางของคุโรโกะยกขึ้นสูง และจับแน่นมากเสียจนข้อมืออันแสนบอบบางเริ่มปรากฏรอยแดงก่ำ ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เสียงหวานที่เปล่งออกมานั้นเต็มไปด้วยความเจ็บเมื่ออีกฝ่ายไม่บันยะบันยังแรงของตัวเองเสียบ้างเลย คุโรโกะเริ่มน้ำตาคลอ ดวงตากลมโตช้อนสายตาขึ้นมองคนตัวสูงกว่าด้วยแววตาไม่เข้าใจ
“อาโอมิเนะคุง ทำไม...”
“ดูท่าว่าถ้าฉันไม่สอนนายให้รู้ซึ้งถึงความกลัวซะบ้าง นายคงจะไม่จำสินะ...”
“คะ...คุณพูดอะไรของคุณน่ะครับ ผมไม่เข้าใจ”
“ไม่ว่านายจะชอบใครมันไม่สำคัญ แต่นายต้องรักฉัน!”
“อะไรกันครับอาโอมิเนะคุง คุณเป็นอะไร...” เสียงหวานอันสั่นเครือเอ่ยออกมาอย่างน่าสงสาร รู้สึกกลัวผู้ชายตรงหน้าอย่างที่ไม่เคยเป็น
ไม่ใช่...นี่ไม่ใช่อาโอมิเนะคนเดิมที่เขารู้จัก
“เขาว่ากันว่าความสำคัญของมนุษย์วัดกันจากความบริสุทธิ์...แม้จิตใจงดงามเพียงใดก็มิอาจสู้ร่างกายอันใสบริสุทธิ์ที่ปราศจากการถูกสิ่งโสมมแปดเปื้อนได้” ฝ่ามือหนาหยาบกร้านอีกข้างเริ่มลูบไล้บริเวณขาอ่อนของคุโรโกะอย่างล่วงเกิน
“อะ...อาโอมิเนะคุง อย่า...”
“แต่ว่า...” เขายื่นหน้ามากระซิบที่ข้างใบหูด้วยรอยยิ้มร้ายกายบนมุมปาก “ถ้านายไม่บริสุทธิ์อีกต่อไปแล้ว ยังจะมีใครเอานายอยู่ไหมนะ?”
“!”
“หลับให้สบายนะ...เท็ตสึ”
ฉึก!
“อื้อ!!!”
ทันใดนั้นความเจ็บปวดอันมาพร้อมกับความง่วงอย่างไม่ทราบสาเหตุก็จู่โจมคุโรโกะอย่างกะทันหัน คนตัวเล็กเบิกตากว้างมองชายหนุ่มอย่างไม่เชื่อสายตา และกว่าที่สมองจะทันได้คิดทบทวนอะไร สติของเขาก็ค่อยๆเลือนราง ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะค่อยๆพร่ามัว และดับลงไปกลายเป็นสีดำมืดในท้ายที่สุด...
ร่างผอมบางอันไร้สติควบคุมเซถลาไปหาแผงอกแกร่ง อาโอมิเนะโอบกอดร่างบางไว้แนบอก ริมฝีปากบางยกยิ้มบนมุมปาก ดวงตาคมจ้องมองเข็มฉีดยาในมือด้วยแววตาอันตราย ก่อนจะค่อยเลื่อนสายตามามองยังร่างกายอันน่าทะนุถนอมของคุโรโกะด้วยสายตาจาบจ้วง
“เท็ตสึ...หากนายจะสกปรก ก็ขอให้นายสกปรกด้วยน้ำมือของฉันเถอะ...” เขาก้มลงไปสูดดมกลิ่นอายบนเรือนผมสีฟ้าครามนุ่ม แม้ร่างบางไม่เคยใช้น้ำหอม แต่กลิ่นหอมหวานอันเย้ายวนแสนมีเสน่ห์กลับเด่นชัด
...ช่างหอมอะไรแบบนี้...
“ไม่เป็นไรเท็ตสึ ถึงความบริสุทธิ์ของนายจะถูกทำให้แปดเปื้อนมากเพียงใด ฉันก็จะไม่มีวันทอดทิ้งนายเด็ดขาด...” กลีบปากนุ่มบรรจงจุมพิตลงบนกลีบริมฝีปากสีชมพูอ่อนของร่างไร้สติอย่างอ่อนโยน ใช่...แม้ว่าคุโรโกะจะสกปรกเพียงใดเขาก็จะไม่มีวันทอดทิ้ง เพราะว่า...
“ฉันรักนายยังไงล่ะ เท็ตสึ...”
.
.
.
.
.
.
เป็นเวลานานกว่าหลายนาทีที่โองิวาระนั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะ แม้เมื่อครู่สถานการณ์ในร้านจะต้องอยู่ภายในความวุ่นวายเพราะการอาละวาดของอาโอมิเนะ แต่เมื่อสถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติ เหล่าผู้คนก็เริ่มหันเหความสนไปที่สิ่งอื่นแทน มีบ้างที่บางกลุ่มคนแอบหันมามองเขาพลางป้องปากกระซิบกัน แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้ให้ความสนใจแก่เหล่าคนผู้ชอบนินทาพวกนั้น...
...คุโรโกะ...
ในใจโองิวาระเรียกชื่อหนุ่มน้อยร่างบางด้วยความเป็นห่วง เด็กหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูอย่างกระสับกระส่าย คิ้วสีน้ำตาลเรียวโก่งขมวดเข้าหากันอย่างเป็นกังวลใจ เกือบหนึ่งชั่วโมงแล้วที่คุโรโกะเดินไปเข้าห้องน้ำแล้วไม่กลับออกมาอีกเลย ในใจโองิวาระคิดว่าคนตัวเล็กคงยังไม่พร้อมที่จะออกมาเจอเขาหรือไม่ก็คงไปนั่งร้องไห้ในห้องน้ำ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจไม่เดินเข้าไปตาม แต่ทว่ายิ่งเข็มนาฬิกาเคลื่อนตัววนไปมาหลายครั้งเท่าใดเด็กหนุ่มก็ยิ่งรู้สึกนั่งไม่ติด เขายื่นหน้ายื่นตามองไปตรงบริเวณห้องน้ำของร้าน คาดหวังว่าจะเห็นคนร่างเล็กเดินออกมา...แต่ทว่าก็ไม่
...คุโรโกะ ขอร้องล่ะ อย่าทำให้ฉันเป็นห่วงไปมากกว่านี้เลย...
เด็กหนุ่มร่ำร้องในใจอย่างทรมาน รู้สึกสังหรณ์ไม่ดีเสียเลยที่คนตัวเล็กหายไปนานขนาดนี้ ไหนจะอาโอมิเนะที่อยู่ๆก็เดินออกไปแล้วไม่เดินกลับมาอีกเลยอีก ทั้งสองคนนั้นหายไปพร้อมกันในเวลาที่ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าปกติ
มันจะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ...
ครั้นตัดสินใจได้ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงลุกขึ้นยืน และมุ่งตรงไปยังห้องน้ำของร้านอย่างเร่งรีบด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ในใจคาดหวังกับตัวเอง....ว่าบางทีอาจเป็นแค่เขาเองที่คิดมากไปคนเดียว
“คุโรโกะ?”
เด็กหนุ่มเอ่ยเรียกเสียงแผ่วเมื่อเข้ามาถึงในห้องน้ำ ดวงตาคมเรียวเหลือบมองไปรอบๆ แต่ไร้ซึ่งวี่แววเจ้าของชื่อ
เด็กหนุ่มมองไปรอบๆด้วยความสงสัย ห้องน้ำที่นี่เป็นห้องน้ำขนาดกลาง ไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไป ห้องน้ำมีเพียงแค่ห้าห้องเท่านั้น ซึ่งทุกห้องบานประตูล้วนเปิดอ้าออกน้อยๆ บ่งบอกถึงว่าไม่มีใครทำธุระส่วนตัวอยู่ภายใน แน่นอนว่ารวมถึงคุโรโกะด้วย...
“หายไปไหนของเค้านะ?”
ร่างสูงยกมือขึ้นเกาหัวด้วยความงุนงง แต่ทว่าก็ยังไม่ยอมตัดใจเสียทีเดียว เขาเริ่มเดินไล่ดูห้องน้ำทีล่ะห้อง ยื่นมือเข้าไปเคาะมันเบาๆ สองสามครั้งเพื่อตรวจให้แน่ใจว่าไม่มีใครทำธุระส่วนตัวอยู่จริงๆ ก่อนจะค่อยออกแรงผลักมันเข้าไปเพื่อให้เห็นภายในได้ถนัดตา แต่ไม่ว่าจะห้องไหนๆต่างก็ว่างเปล่า ไร้ซึ่งคนอยู่ภายใน ไร้ซึ่งข้าวของที่โองิวาระคาดว่าคุโรโกะน่าจะลืมทิ้งไว้ เพราะถ้าเขาจำไม่ผิด เขาคิดว่าเขาเห็นคนร่างเล็กเดินถือกระเป๋านักเรียนเข้ามาในนี้ด้วย
ถ้าไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วจะไปไหนล่ะ แถมยังไม่เห็นตอนคุโรโกะเดินออกไปจากร้านด้วย...โองิวาระคิดในใจอย่างสงสัย และก่อนที่เด็กหนุ่มจะทันได้คิดมากไปมากกว่านี้ ทันใดนั้นเองก็มีสัมผัสจากฝ่ามือของใครบางคนยื่นมาแตะที่ไหล่ของเขาอย่างแผ่วเบา ทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้งโหยงแต่ขณะเดียวกันก็รีบหันใบหน้าไปหาอีกฝ่ายด้วยความดีใจ
“คุโรโกะ!”
“เหวอ! อะ...อะไรครับ?!”
ใบหน้าอันเคยยิ้มกว้างด้วยความดีใจพลันแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง ฝ่ามือหนาค่อยๆละออกมากจากไหล่ทั้งสองข้างของบริกรหนุ่ม อีกฝ่ายทำหน้างง พลางมองเด็กหนุ่มด้วยสายตาเป็นคำถาม
“เอ่อ...คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
“อ่า...เปล่าครับ ผมแค่เข้ามาตามหาเพื่อน” เสียงที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากบางเต็มไปด้วยความผิดหวังอย่างเห็นได้ชัดเจน เป็นครั้งแรกที่รู้สึกแย่จากการไม่โดนความจืดจางของคนตัวเล็กหน้าหวานทำให้ตกใจ...
“เอ๊ะ เพื่อนที่ว่านี่ ใช่คนที่ผมสีฟ้าหรือเปล่าครับ” คำพูดของบริกรหนุ่มทำให้ดวงตาเรียวรีเบิกกว้าง ฝ่ามือหนาทั้งสองข้างเขย่าไหล่ของคู่สนทนาไปมาจนตัวโยกไหว
“ใช่ครับใช่! คุณเห็นเขาหรอครับ เขาอยู่ไหน?!”
“จะ...ใจเย็นๆครับ คือเขาฝากผมมาบอกคุณว่าเขาจะขอกลับก่อน แล้วก็ฝากมาขอโทษคุณด้วย”
“เอ๊ะ...”
จากความดีใจที่จะได้เจอคุโรโกะพลันแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวังอีกครั้ง ฝ่ามือหนาค่อยๆ ปล่อยออกจากไหล่ของอีกฝ่าย สิ่งที่บริกรหนุ่มพูดทำให้เขารู้สึกผิดอยู่ในอก ถามตัวเองในใจอย่างเงียบงันว่าเพราะอะไรคุโรโกะถึงหนีกลับไปก่อน...
“งะ...งั้นหรอ ขะ...ขอบคุณนะครับ”
โองิวาระเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสีหน้าไม่สู้ดียิ่งกว่าเก่า หัวสมองนึกทบทวนถึงเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นก่อนหน้าคุโรโกะจะหนีกลับบ้าน ไม่ว่าจะคิดอย่างไรตัวเขาก็มีส่วนผิดอยู่เต็มประตู บางทีถ้าเขาไม่ไปตะคอกคนตัวเล็กจนเสียความรู้สึกแบบนั้น เรื่องมันคงจไม่ต้องมาลงเอยแบบนี้ก็เป็นได้
เด็กหนุ่มเดินออกมาจากร้านด้วยสีหน้าอันเศร้าหมอง ครั้นเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เคยเป็นสีฟ้าแสนสดใสกลับแปรเปลี่ยนเป็นสีส้มแสดอมสีเหลืองทอง พระอาทิตย์ดวงโตฉายแสงอ่อนๆยามเย็นอยู่ขอบฟ้า เพียงอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้มันก็คงจะค่อยๆคล้อยต่ำลงและลับหายไปกลายเป็นพระจันทร์สีนวลที่โผล่พ้นท้องฟ้าขึ้นมาแทน
เด็กหนุ่มมองท้องฟ้าที่กำลังจะหลับใหลนิ่งค้างอยู่เช่นนั้นอยู่เนิ่นนาน ทั้งที่เวลาใกล้จะล่วงเลยจนถึงพลบค่ำ แต่ตัวเขากลับไม่รู้สึกอยากกลับบ้านเลยแม้แต่น้อย รู้สึกเหมือนขาดอะไรไป เป็นความรู้สึกของคนที่กระทำบางสิ่งค้างไว้จึงเหลือความค้างคาในใจ และบางสิ่งบางอย่างที่ว่านั้นก็ไม่สามารถเอาคืนกลับมาเป็นครั้งที่สองได้
โองิวาระเดินเล่นไปเรื่อยเปื่อยตามสถานที่ต่างๆในตัวเมืองด้วยสติอันเลื่อนลอย นัยน์ตาคมจ้องมองร้านค้าแต่ล่ะร้านด้วยความรู้สึกหน่วงๆในอก ฝ่ามือหนาหยิบมือถือเครื่องบางออกมาจากกระเป๋ากางเกง ปลายนิ้วเรียวเลื่อนดูโน้ตและลิงค์ที่เขาบันทึกไว้ด้วยสายตาอบอุ่น เพราะมันคือลิงค์ของร้านคาเฟ่ขนมหวานต่างๆที่เขาบันทึกไว้เพื่อจะพาคุโรโกะไปเที่ยว รวมถึงคาเฟ่น้องแมว และเกมเซนเตอร์ต่างๆ แล้วเขากะว่าจะพาคุโรโกะไปคีบตุ๊กตาเจี๊ยบอ้วนกลมที่เจ้าตัวบ่นอยากได้นักหนามาตลอดหลายเดือนนี้เป็นการปิดท้ายด้วย ไหนจะโน้ตที่เขาเขียนตารางเวลาและสถานที่ต่างๆไว้เสร็จสรรพ ทุกอย่างผ่านการคิดคำนวณมาอย่างดีตลอดทั้งคืน
เพื่อที่จะทำให้คุโรโกะมีความสุขที่สุด...
ทุกอย่างที่พยายามทำมาตลอดนั้นไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่ารอยยิ้มของคนที่เขาชอบที่สุด…เพียงแค่รอยยิ้มของคุโรโกะเท่านั้นที่เขาอยากจะเห็น
เขารู้สึกสุขใจทุกครั้งที่ได้รอยยิ้มบางบนใบหน้าหวานๆของคุโรโกะ และรู้สึกหัวใจมันเต้นไม่เป็นจังหวะทุกครั้งที่คุโรโกะเรียกเขาว่า ‘โองิวาระคุง’ พร้อยรอยยิ้มแสนอ่อนโยนกับแกวนวลที่ขึ้นสีเรื่อ
ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมันช่างเต็มไปด้วยความสุขครั้นดวงตาสีน้ำตาลช็อกโกแลตไล่มองบนหน้าจอ แต่แล้วมันก็ต้องแปรเปลี่ยนเป็นนัยน์ตาเศร้าหมองเมื่อเขาต้องเลื่อนนิ้วไปสัมผัสตรงบริเวณคำว่า ‘ลบ’
แผนการที่ไม่ได้ใช้ เก็บเอาไว้ก็รกเปล่าๆ และดูท่าว่าไม่ว่าจะวันพรุ่งนี้หรือวันข้างหน้า แผนการเหล่านี้ก็คงจะไม่ถูกหยิบเอาออกมาใช้เป็นครั้งที่สองอีกต่อไปแล้ว แม้แต่ความทรงที่ดีในวันนี้ที่จะได้เก็บไว้ในใจและจดจำยังแทบจะไม่มีเลย...
“หรือว่าฉันควรจะกลับบ้านดี...”
นัยน์ตาคมจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เดินเล่นไปมาเรื่อยเปื่อยอยู่เนิ่นนานจนไม่ทันได้รู้ตัวว่าตอนนี้เป็นเวลาที่พระจันทร์ตื่นจากนิทราแล้ว เสียงจอแจของผู้คนที่อยู่รอบข้างอันฟังไม่ได้ศัพท์คลอไปกับแสงไฟของร้านค้าที่กระพริบวิบวับ เข้าสู่ช่วงแสงสียามราตรีของเมืองหลวงอย่างแท้จริง
โองิวาระก้มดูเวลาป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะตัดสินใจกลับหลังหันแล้วเดินมุ่งตรงไปยังถนนที่เขาเดินผ่านมาเพื่อกลับบ้าน
เด็กหนุ่มนั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีเพื่อต่อรถบัสกลับบ้าน จากนั้นจึงค่อยเดินไปตามทางถนนอีกที ชายหนุ่มถอนหายใจหนักๆอย่างปลงตก สองเท้าเดินจ้ำอาดๆไปตามพื้นถนน เสียงพูดคุยจอแจแผ่วเบาตามจำนวนผู้คนอันน้อยนิดบนถนนในเวลาค่ำคืนแสนวังเวง
ระหว่างทางเดินตรงกลับบ้าน นัยน์ตาคมเรียวไม่ได้จ้องมองที่อื่นใดเว้นเสียจากพื้นถนน ไม่ได้มีสมาธิหรือสติในการเดินเลยแม้แต่น้อย ในหัวกำลังเต็มไปด้วยตัวเองอีกหลายคนกำลังประชุมเถียงกันอย่างเคร่งเครียด ในหัวใจทั้งรู้สึกผิดระคนสับสนกับความผิดที่ก่อขึ้น โองิวาระนึกทบทวนกับตัวเองอยู่หลายนาทีว่าตัวเองทำผิดอะไรไว้บ้าง ควรจะไปขอโทษยังไงกับคุโรโกะ นับจากนี้ไปพวกเขาทั้งสองจะมองหน้ากันได้เหมือนเดิมหรือ และควรจะทำอย่างไร...คนตัวเล็กถึงจะกลับมายิ้มให้เขาอีกครั้ง
มือถือในกระเป๋ากางเกงนิ่งราวกับคนตาย ในใจลึกๆโองิวาระก็แอบคาดหวังไว้ว่าคุโรโกะจะโทรมา หรือเมล์มาบ้างสักนิดก็ยังดี อะไรก็ได้ที่บ่งบอกว่าคนตัวเล็กไม่โกรธมากและเรายังคุยกันได้เหมือนเดิม แต่ก็เปล่าเลย...คนเย็นชาไม่ติดต่อกลับมาเลยแม้แต่ทางเดียว
...โกรธมากขนาดนั้นเชียวหรอ...
ตึก ตึก...
เสียงฝีเท้าดังขึ้นตามหลังสะกดให้เด็กหนุ่มหันหน้าไปมองโดยสัญชาตญาณ คิดในใจว่าถ้ามีใครเดินด้วยในเวลาแบบนี้ก็คงจะอุ่นใจไม่น้อย แต่แล้วสิ่งที่เห็นกลับทำให้คิ้วเรียวสีน้ำตาลโก่งต้องขมวดเข้าหากันด้วยความเข้าใจ เมื่อเจ้าของเสียงฝีเท้าที่เขาได้ยินเมื่อครู่นั้นคือความว่างเปล่า...
“...”
ด้วยลางสังหรณ์หรืออะไรก็ไม่อาจทราบ โองิวาระรู้สึกว่ามันไม่ปกติ เขาจึงหันหน้ากลับมาสู่ทางตรงแล้วรีบจ้ำเท้าเดินโดยเร็วทันที จะว่าผีหลอกก็ไม่ใช่...เพราะเขารู้สึกเหมือนว่าเจ้าของเสียงเมื่อครู่เป็นบางสิ่งบางอย่างที่จับต้องได้มากกว่านั้น แม้จะยังไม่อาจด่วนสรุปได้ก็ตามว่าเป็นมนุษย์
ตึก ตึก...
โองิวาระมองซ้ายมองขวาเพราะคิดว่าตัวเองไม่ได้หูฝาด แต่กลับไม่เห็นว่ามีใครเดินอยู่บนถนนเส้นที่ใช้กลับบ้านอยู่เป็นประจำเลยแม้แต่คนเดียว
แม้จะเป็นผู้ชายก็รู้สึกกลัวเป็น โองิวาระจึงรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อรีบกลับบ้านให้เร็วที่สุด ระหว่างทางก็รู้สึกเหมือนกับมีบางสิ่งกำลังไล่ตามหลังมา ความเย็นเยียบอันหาที่มาไม่ได้แพร่กระจายไปตามร่างกายของเขาคล้ายกับถูกน้ำแข็งเกาะ เด็กหนุ่มรีบสาวเท้าให้กระชั้นขึ้นกว่าเดิม โดยที่เขาไม่ได้รู้ตัวเลยว่ากำลังวิ่งไปในทางที่เป็นเขตก่อสร้างอันเป็นทางลัดที่โองิวาระเดินผ่านทุกครั้งจนคุ้นชิน กว่าเขาจะมาคิดได้อีกทีว่าไม่ควรเดินมา...มันก็สายไปเสียแล้ว...
และนั่นถือเป็นการยื่นชิ้นเนื้อชิ้นใหญ่ให้แก่ผู้ล่าไปโดยไม่รู้ตัว...
จังหวะนั้นเองปลายตาเรียวรีของเขาก็มองเห็นเงาสีดำทะมึนดูคล้ายกับรูปร่างของมนุษย์เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วขึ้นไปสู่ด้านบนของตึกที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ เรียกสายตาของโองิวาระให้หันไปเหลือบมองตามไปเองโดยสัญชาตญาณ เงาดำนั้นเคลื่อนไหวรวดเร็วมากเสียจนมองตามไม่ทัน ทำท่าเหมือนกับรีบจะไปกระทำอะไรบางอย่าง
เคร้ง! เค้รง!! เคร้ง!!!
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังปริศนาดังขึ้นอยู่เหนือหัวของเด็กหนุ่ม เขารีบเงยหน้าขึ้นมองทันทีด้วยความตกใจ และสิ่งที่เห็นก็ต้องทำให้เขาดวงตาเบิกกว้างยิ่งกว่าครั้งไหน!
แท่งเหล็กหนาหนักเป็นตันๆที่ใช้ในการก่อสร้าง กำลังร่วงลงมาจากฟ้าหลายอันด้วยกัน และมันกำลังจะตกทับใส่โองิวาระภายในไม่กี่นาทีต่อจากนี้! นัยน์คมสีน้ำตาลเบิ่งค้างมองมันชั่วครู่ด้วยความช็อก ก่อนสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดจะส่งเสียงเรียกให้ร่างกายรีบวิ่งหนีออกจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด!
แต่ทว่าวิ่งไปไกลแค่ไหนก็หนีไม่พ้น เหล็กหนาเหล่านั้นร่วงลงมาสู่พื้นอย่างรวดเร็วตามแรงโน้มถ่วงของโลกก่อให้เกิดเสียงดังตึงใหญ่ๆก้องไปทั่วบริเวณ พร้อมกับแผ่นดินที่สั่นไหวน้อยๆชั่วครู่ ฝุ่นควันจากพื้นดินลอยฟุ้งปลิววว่อนไปมากับอากาศหนาจากแรงกระแทกอันหนักหน่วง ปิดบังภาพทุกสิ่งได้ราวกับหมอก แต่เพียงไม่นานฝุ่นควันเหล่านั้นก็ค่อยๆจางหายไป....และโองิวาระก็หายไปด้วยเช่นกัน...
“อึก...โอย...”
โองิวาระล้มลงไปนอนบนพื้นอย่างหมดสภาพพร้อมกับกองเหล็กแท่งใหญ่เหล่านั้น เลือดสีแดงสดจากศีรษะแตกไหลไปตามขมับอย่างช้าๆ เด็กหนุ่มร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดตามร่างกาย รู้สึกว่าทั่วทั้งร่างกำลังระบมและเต็มไปด้วยรอยช้ำ ซ้ำร้ายกว่านั้นอาจจะมีบางจุดในร่างกายกระดูกหัก เศษฝุ่นเศษดินเลอะตามเสื้อผ้าและเปรอะจมูกจนเจ้าตัวต้องไอแค่กๆ แต่ไม่รู้ว่าเป็นปาฏิหาริย์หรือมีใครบางคนจงใจ เหล็กหนาพวกนี้มันถึงได้ไม่หล่นลงมาทับเขาจนถึงแก่ชีวิตเลยแม้แต่อันเดียว ทั้งๆที่มันหนักขนาดนั้นและมีมากขนาดนั้นแท้ๆ
เพราะอะไรกัน...
ผลจากการสูญเสียเลือดและศีรษะถูกกระทบกระเทือนอย่างหนักด้วยของแข็ง มันจึงเริ่มทำให้สติของโองิวาระพร่าเลือน ภาพการมองเห็นค่อยๆเลือนรางสลับกับชัดเจนเป็นช่วงๆ หนังตาบางหนักอึ้งเหมือนถูกถ่วงด้วยตะกั่วจนแทบจะซ้อนทับกับดวงตาที่เริ่มเหม่อลอย และทันใดนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวด้านหน้า แม้รับภาพไม่ค่อยชัดนักแต่ทว่าเขากลับเห็นชัดเจนว่ามีเท้าของใครบางคนกำลังเดินตรงมาทางนี้ ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขาโดยไร้ซึ่งการช่วยเหลือ เสียงหัวเราะสะใจที่คุ้นหูทำให้สติที่กำลังจะดับพลันตื่นตระหนกอย่างถึงที่สุด!
“แค่นี้มันยังเบาๆสำหรับนาย ฉันคำนวณไว้แล้วว่าจุดนี้นายคงจะไม่ตาย ขอบคุณฉันไว้ด้วยล่ะ หึหึ”
...เสียงนี้มัน...
“ไอ้ที่ติดค้างกันไว้ ฉันจะเอาคืนให้สาสมอย่างที่นายไม่มีวันลืมเลย...” เสียงอันยียวนถูกส่งให้คนที่สติใกล้จะดับวูบ คนที่นอนอยู่ไม่อาจเห็นรอยยิ้มร้ายบนมุมปากของเจ้าของเสียงได้
โองิวาระพยายามอย่างสุดชีวิตที่จะฝืนดวงตา ทว่าร่างกายกลับไร้ซึ่งการเชื่อฟัง...เด็กหนุ่มสบถในใจด้วยความเคียดแค้นเมื่อภาพพร่าเบลอตรงหน้ากำลังส่งเสียงเตือนว่ามีฤทธิ์อะบางอย่างสู่กระแสประสาท และค่อยๆกดเขาให้จมลงสู่ภาพสีดำมืดในท้ายที่สุด...
บุคคลผู้มาใหม่ก้มลงมองคนที่นอนไม่ได้สติด้วยนัยน์ตาพราวระยับ เจ้าตัวไม่อาจหยุดยิ้มและกลั้นเสียงหัวเราะได้เลยแม้แต่น้อย ปลายเท้าเขี่ยใบหน้าอันหล่อเหลาปนสวยนิดๆด้วยความหยามเหยียด ก่อนจะหยุดอยู่ที่แก้มนวลชั่วครู่แล้วค่อยออกแรงเตะหนักๆ หนึ่งทีจนร่างไร้สติมีเลือดสีแดงซึมออกมาตามมุมปาก
ริมฝีปากบางสวยยกยิ้มแสนน่าสะพรึงกลัวที่มุมปาก วันนี้หมอนี่จะต้องรู้สึกเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าทุกข์ทรมานจากความตาย...
...ทีนี้จะได้หลาบจำว่ายุ่งกับของรักของหวงของแวมไพร์แล้วจะเป็นยังไง...
.
.
.
.
.
ร่างผอมบางที่เคยหลับใหลค่อยๆ ขยับตัวที่ล่ะน้อยครั้นฤทธิ์จากยาสลบสลายไป แต่ทว่าทั่วทั้งร่างกลับไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตากลมโตค่อยๆเปิดเปลือกตาบางขึ้นอย่างเชื่องช้า แสงไฟริบหรี่ภายในห้องอันมืดสลัวส่องกระทบนัยน์ตาจนพร่ามัว แพขนตางอนยาวอันงดงามกระพริบซ้ำๆ เพื่อปรับสภาพการมองเห็นให้คุ้นชิน คนตัวเล็กยังคงรู้สึกมึนหัวและงุนงงอยู่บ้างเล็กน้อย สติที่เหลืออยู่อย่างเบาบางพยายามทบทวนกับตัวเองว่าก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้น...
“!”
เมื่อตั้งสติได้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ คนร่างบางก็รีบลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที แต่แล้วร่างผอมบางก็ต้องชะงักแล้วถูกกระตุกอย่างแรงกลับไปนอนดั่งเดิม พร้อมกับความเจ็บแสบที่ข้อมือขาวทั้งสองข้างที่เจ็บแสบแปลบๆ จากผิวหนังบางที่ถูกเสียดสีเสียจนเกิดเลือดไหลซึมออกมาบางๆ
“อะ...อะไรกันน่ะ?!”
ดวงตากลมโตเหลือบมองขึ้นเหนือหัว แต่แล้วร่างบางก็ต้องสะดุ้งโหยง ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจกลัว สิ่งที่ล็อกข้อมือทั้งสองข้างของเขาไว้นั้นไม่ใช่เชือกหรือกุญแจข้อมือ แต่มันคือสิ่งมีชีวิตปริศนาบางอย่างที่รูปร่างคล้ายหนวดที่เคยเห็นในหนังสือการ์ตูนลามก มองด้วยตาผิวมันดูลื่นเป็นเมือก แต่คุโรโกะสัมผัสด้วยตัวเองแล้วว่ามันไม่ใช่ สัมผัสผิวของมันทั้งหยาบ และหนา ไม่ต่างอะไรจากเชือกเส้นใหญ่เลยแม้แต่น้อย
ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวคล้ายจะร้องไห้ คุโรโกะหลับตาปี๋ด้วยความกลัวสิ่งมีชีวิตที่หาที่ไปไม่ได้ มันส่งเสียงร้องวี้ๆในลำคอแลดูน่ากลัวและสยดสยอง มันขยับตัวไปมาเพื่อมัดข้อมือบางให้แน่นขึ้นครั้นจับได้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกตัวแล้ว
ดวงตากลมโตที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา เหลือบมองไปรอบห้องอย่างตื่นตระหนก มันคือห้องนอนธรรมดาที่ไม่ต่างจากห้องนอนของเขาสักเท่าไร การตกแต่งหรูหราขัดกับสีของห้องที่ค่อนข้างมืดมน ข้าวของประดับตกแต่งต่างๆอยู่ในสีโทนน้ำเงินเป็นหลัก การตกแต่งที่บอกรสนิยมเช่นนี้ทำให้คนร่างบางเดาได้ในทันทีว่าเจ้าของห้องนี้คือใคร
“ตื่นแล้วหรอ...”
เสียงลากยากแสนยียวนที่คนตัวเล็กได้ยินแล้วต้องผวาเฮือกด้วยความกลัว บานประตูเปิดอ้าออกก่อให้เกิดแสงไฟสาดส่องเข้ามา แต่เพียงไม่นานมันก็ดับลงพร้อมๆกับความหวังของคุโรโกะ
“อะ...อาโอมิเนะคุง ทำไมถึง...”
“ทำไมฉันถึงทำแบบนี้...สินะ?”
ชายหนุ่มต่อประโยคเสร็จสมบูรณ์โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ต้องการ นัยน์คมเรียวสีสีน้ำเงินไพลินจ้องมองคุโรโกะด้วยสายตาล่วงเกินเสียจนคนตัวเล็กสั่นผวา ริมฝีปากหยักเหยียดยิ้มบนมุมปากอย่างนึกสนุก ร่างสูงโปร่งค่อยๆเดินก้าวเท้ามาที่เตียงหนาอันมีร่างผอมบางแสนน่ารักนอนอยู่ คุโรโกะตัวสั่นอย่างน่าสงสารด้วยความกลัวสุดหัวใจและพยายามสุดชีวิตที่จะถอยหนี แต่ก็เป็นเพียงแค่ความคิดในเมื่อมือทั้งสองข้างของเขาถูกพันธนาการไว้อย่างแน่นหนา
“กลัวหรอ...” แวมไพร์หนุ่มเอนกายนั่งเคียงข้างมนุษย์ตัวน้อยแสนอ่อนแอ ฝ่ามือแข็งแรงยกขึ้นลูบไล้ผิวแก้มนุ่มนวลเนียนด้วยความเสน่ห์หา ในขณะที่ฝ่ามืออีกข้างไล้สัมผัสที่เรือนขาบอบบาง
“ไม่...ไม่เอา...” เท็ตสึยะน้อยผวาเฮือกทันทีครั้นฝ่ามือหยาบแตะลงที่ร่างกายของตนเอง ใบหน้าหวานส่ายหน้าปฏิเสธรัว ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่อาจหลีกหนีสัมผัสนี้ได้ อาโอมิเนะมองปฏิกิริยาของคุโรโกะด้วยความหย่ามใจ ริมฝีปากสีสดยกยิ้มบนมุมปากอย่างมีเลศนัย
“แม้แต่เวลาหวาดกลัวก็น่ารัก” ชายหนุ่มกดจูบลงที่หน้าผากมนอย่างอ่อนโยน ก่อนจะลากริมฝีปากผ่านลงมาที่แก้มนวล ลิ้นหนาเลียผิวขาวนุ่มนิ่วอย่างอ้อยอิง แต่ทว่าคนโดนกระทำกลับรู้สึกหวาดกลัวจนแทบเบือนหน้าหน้าหนี
“อย่า...ฮึก...อย่าแตะต้องผม”
ร่างบอบบางที่แต่เดิมก็ไร้ซึ่งอิสระอยู่แล้วพยายามบิดกายหนีด้วยความกลัว แต่มันกลับส่งผลตรงกันข้าม ครั้นร่างผอมบางแสนน่ากินกำลังบิดกายเร้าไปมาด้วยท่วงท่าเซ็กซี่เช่นนี้ อาโอมิเนะก็ต้องเลียริมฝีปากของตนอย่างหักห้ามใจเต็มที่ ใบหน้าหวานแสนงดงงามที่มีน้ำตาอาบใบหน้าช่างแสนน่ารักเหลือเกินในสายตาของชายหนุ่ม ดวงตาสีฟ้าครามอ่อนที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตานั้นช่างไม่ต่างจากเม็ดอัญมณีน้ำงาม
ให้ตายสิ...นี่เขาปล่อยให้คุโรโกะรอดเงื้อมื้อเขามานานขนาดนี้ได้ยังไงกัน
“จะกลัวอะไรเท็ตสึ ถ้านายทำตัวดี...คืนนี้จะไม่มีความรุนแรงหรอกนะ” คำพูดที่เหมือนจะปลอบประโลม แต่ความหมายกลับขู่กลายๆ คุโรโกะส่ายหน้าระรัว แขนเรียวบางเขย่าไปมาเพื่อพยายามจะหนีให้พ้นจากอาโอมิเนะและปีศาจหนวดที่พันธนาการข้อมือเขา
“ไม่! ไม่เอา! ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะ!”
“ให้ปล่อยหรอ? คงจะไม่ได้หรอก” ประโยคแรกทำหน้าส่อความงงก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มหวานในประโยคถัดมา คุโรโกะส่ายหน้าไปมาอีกครั้งด้วยน้ำตา ริมฝีปากบางสวยเม้มเข้าหากันเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นไห้ หลายครั้งที่เขาถามตัวเองในใจว่าทำไมอาโอมิเนะถึงทำแบบนี้
อาโอมิเนะที่แม้จะนิสัยโมโหร้าย ชอบความรุนแรง แข็งกระด้างไปบ้างแต่ก็มีความใจดีและอ่อนโยนคนนั้น...ทำไมถึงได้ทำเรื่องแบบนี้กัน...
“ทำไมล่ะครับอาโอมิเนะคุง...ฮึก...”
“...”
“ทำไมคุณถึงทำแบบนี้ล่ะครับ...”
“...”
“ทั้งที่ผมคิดว่า...ฮึก...เราจะไปกันได้ด้วยดี แล้วทำไมคุณถึง...”
“หา? ไปกันได้? นายหมายถึงอะไร” ประโยคต่อมาของคุโรโกะทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วยุ่ง ใบหน้าหล่อเหลาแสดงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด คนร่างบางสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นแวมไพร์หนุ่มทำสีหน้าเช่นนั้น ในใจเริ่มกลัวที่จะตอบคำถามอาโอมิเนะขึ้นมา
“ค...คือ...”
“ถามก็ตอบสิ!”
ชายหนุ่มตะคอกใส่เด็กน้อยด้วยความโทสะ คนตัวเล็กสะดุ้งขึ้นมาอีกครั้งด้วยความกลัวพรอมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเองโดยไม่ได้ตั้งใจ ริมฝีปากบางละล่ำละลั่กบอกอย่างร้อนรนด้วยความกลัวสุดหัวใจ
“ผะ...ผมคิดว่าเราไปกันได้ด้วยดี...”
“...”
“นะ...ในฐานะเพื่อน”
“!”
ประโยคต่อมาทำให้อาโอมิเนะจุกในใจ ทุกอย่างที่ทำต่อคนร่างบางนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกดีๆทั้งหมดที่มีให้ ตลอดมานั้นเขาก็พร่ำบอกตัวเองว่าบางทีตัวเขาอาจยังพอมีโอกาส...โอกาสที่จะเป็นได้มากกว่านั้น เป็นคนสำคัญที่อีกฝ่ายจะคอยเรียกหาทุกครั้งที่เจ็บปวดใจ แต่อีกฝ่ายกลับมองเห็นเขาเป็นเพียงแค่เพื่อน ไม่เคยรู้สึกโกรธขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ฝ่ามือหนากำหมัดแน่นจนเส้นเลือดขึ้นตามข้อ เรียวฟันขาวขบกัดแน่น ดวงสีไพลินเริ่มวาววับด้วยความโกรธ
“อ้อ เป็นได้แค่นั้นสินะ...” น้ำเสียงของอาโอมิเนะเต็มไปด้วยความหยามเหยียด ดวงตาคมจ้องมองร่างผอมบางบนเตียงหนาด้วยสายตาที่แปรเปลี่ยนไป
ไหนเมื่ออีกฝ่ายเห็นเขาเป็นแค่เพื่อน งั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องมองอีกฝ่ายเป็นคนสำคัญอีกต่อไป!
“ฮึก...โอ๊ย!”
อาโอมิเนะกระชากคุโรโกะเข้าหาตัวอย่างแรงเสียจนร่างบางร้องโอ๊ยออกมาด้วยความเจ็บ ชายหนุ่มกระชากปีศาจหนวดที่เกาะข้อมือบางทั้งสองข้างออกแต่ทว่าเขาไม่ได้โยนมันไปไหน อาโอมิเนะยังคงถือมันไว้ในมือด้วยรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจ นัยน์ตาเรียวรีเหลือบมองมันสลับกับร่างแสนน่ารังแกของคุโรโกะด้วยแววตาที่ร่างบางเชื่อว่าเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไม่ใช่เรื่องดีแน่
“ไม่...ฮึก...อาโอมิเนะคุง ปล่อยผม...”
คุโรโกะพยายามดีดดิ้นอย่างสุดความสามารถ รู้สึกแปลกใจว่าทั้งที่ตนไม่มีอะไรพันธนาการแล้วแต่ทำไมกลับไร้ซึ่งเรี่ยวแรง อาโอมิเนะกรีดยิ้มร้าย จมูกโด่งซุกไซ้ไปมาที่ต้นคอขาวเนียนอย่างละโมบ พลางสูดดมกลิ่นความหอมอ่อนๆจากกลิ่นกายร่างบางด้วยความชื่นใจ
“อย่าดิ้นเลยเท็ตสึ ไม่ได้ผลหรอก” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเหี้ยม
อาโอมิเนะหยิบกระบอกฉีดยาขึ้นมาชูแก่สายตาคุโรโกะ แต่ภายในหลอดว่างเปล่า นัยน์ตากลมโตเหลือบมองหน้าอาโอมิเนะเป็นคำถามอย่างตื่นกลัว ชายหนุ่มหัวเราะเสียงต่ำในลำคอเล็กน้อย ก่อนจะกระชับร่างผอมบางให้เข้าใกล้ตนมากขึ้น
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่เอามาฉีดใส่นายรอบสองหรอก” ชายหนุ่มโยนกระบอกฉีดยาทิ้งลงถังขยะที่อยู่ตรงมุมห้องอย่างไม่ใส่ใจ “ฉันฉีดใส่นายก่อนจะพานายมาที่นี่ยังไงล่ะ มันผสมยานอนหลับเอาไว้นิดหน่อย แต่ว่ามันไม่ได้มีฤทธิ์ทำให้หลับเพียงอย่างเดียว มันมีฤทธิ์ที่ทำให้ร่างกายกึ่งชาและอ่อนแรง แต่ก็ไม่ถึงขนาดขยับตัวไม่ได้ ก็แหม...มิโดริมะมันเป็นคนทำขึ้นมาเอง จะให้เป็นแค่ยานอนหลับธรรมดาก็ใช่ทีนี่ จริงไหม?”
“มิโดริมะคุง...เป็นคนทำ?”
“โอ๊ะโอ ใจเย็นๆหนูน้อย” ชายหนุ่มรีบพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเหยียดครั้นเห็นว่าคุโรโกะกำลังจะเข้าใจผิด จริงอยู่ว่าการแก้ตัวให้ใครไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องยุ่ง แต่เอาเถอะ...พูดจริงสักหน่อยจะเป็นไร “มิโดริมะมันไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก ฉันแค่ขอให้หมอนั่นทำให้ด้วยข้ออ้างว่าจะเอาไปใช้กับพวกสัตว์คลั่งในป่าเท่านั้น ขอไว้นานแล้ว...ไม่นึกเหมือนกันว่าจะได้เอามาใช้ตอนนี้”
ดวงตาคมดุตวัดกลับมามองที่ใบหน้าหวาน และนั่นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าการสนทนากันด้วยความใจเย็นจบลงเพียงเท่านี้...
“เอาล่ะ...ใจเย็นด้วยมามากพอแล้ว” นัยน์ตาคมกลับมาพราวระยับด้วยโทสะอีกครา สิ่งมีชีวิตหนวดปริศนาในฝ่ามือดีดดิ้นไปมาอย่างน่าขยะแขยง มันเสียงร้องวี้ๆน่าขนลุก และถ้าคุโรโกะมองไม่ผิด...เขาคิดว่าเขาเห็นมันขยายตัวยาวขึ้นทีล่ะนิด!
อาโอมิเนะชูมันขึ้นด้วยรอยยิ้มร้ายบนมุมปาก ก่อนที่เขาจะค่อยเอามันเคลื่อนเข้ามาใกล้ร่างบางอย่างช้าๆเพื่อจะให้เด็กน้อยประสาทเสียเล่น และมีหรือที่คุโรโกะจะอยู่เฉยๆ!
“อย่าเอามันเข้ามาใกล้นะครับ! ปล่อยนะ...ฮึก…ฮือ อย่า!” สองมือเล็กๆพยายามจะผลักแวมไพร์หนุ่มออก แต่ร่างกายของอาโอมิเนะช่างแข็งแกร่งและนิ่งงันไม่ไหวติงแม้จะถูกทุบถูกผลักไปมากแค่ไหน
ท้ายที่สุดร่างผอมบางก็ไม่อาจสู้แวมไพร์หนุ่มได้ อาโอมิเนะเอาเจ้าสิ่งมีชีวิตประหลาดยัดเข้าไปใต้เสื้อของคุโรโกะได้สำเร็จ ผิวหยาบด้านของมันแปรเปลี่ยนเป็นผิวลื่นเป็นเมือก เสียงหวานแสนน่าอายเปล่งออกมาจากริมฝีปากบางอย่างลืมตัว ความรู้สึกขยะแขยงปนสยิวถาโถมเข้ามาในความรู้สึก ใบหน้าขาวนวลเริ่มกลายเป็นสีระเรื่อด้วยความอายอย่างถึงที่สุด และดูท่าเจ้าสิ่งมีชีวิตปริศนาตัวนี้จะไม่หยุดเพียงแค่นั้น มันขยายตัวยาวขึ้น ก่อนจะเริ่มปัดป่ายไปทั่งหน้าท้องขาวเนียนภายใต้เสื้อนักเรียนตัวบาง
“อ๊า...อย่า...อ๊ะ”
เสียงหวานเปล่งออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มแสนเซ็กซี่ ช่างเข้ากันกับร่างบอบบางที่บิดเร้าไปมาเสียเหลือเกิน อาโอมิเนะเลียริมฝีปากของตนราวกับสัตว์ร้ายที่เตรียมจะฉีกทึ้งเหยื่อ ร่างบางยังคงส่งเสียงร้อนอันยั่วยวนออกมาเป็นระยะ พร้อมกับแก้มนวลที่ขึ้นสีเรื่อขึ้นเรื่อยๆ ชายหนุ่มไม่รู้หรอกว่าภายใต้เสื้อนักเรียนนั้น...เจ้าหนวดกำลังทำอะไรอยู่ เขารู้เพียงแค่ว่าถ้าเขาเปิดมันขึ้นมาดูมันคงจะเป็นภาพที่แสนล่อตาล่อใจเป็นแน่ ฉะนั้นเขาจะเก็บมันไว้เป็นของหวานก่อนเริ่มจานหลัก...
ชายหนุ่มฝังจมูกโด่งลงที่ซอกคอขาวเนียนด้วยความต้องการที่มากจนเอ่อล้น อยากจะฝังเขี้ยวลงไปหนักๆให้โลหิตสาดกระเซ็นแต่งแต้มลงบนต้นคอขาวผ่องซะเหลือเกิน เพราะมันคงจะเป็นภาพที่งดงามไม่น้อย แต่อาโอมิเนะก็หักห้ามใจตัวเองไว้แล้วเปลี่ยนเป็นทำอย่างอื่นแทน
อย่างอื่นที่แสดงความเป็นเจ้าของได้เหมือนกัน...
“ฮึก...อย่า...อ๊า!”
เสียงน่ารักแสนหวานเปล่งออกมาอย่างยั่วยวนครั้นริมฝีปากบางสวยประทับลงไปบนซอกคอ ไล้ผ่านทั่วทุกส่วนบนต้นคอแสนหอมหวาน ทิ้งรอยประทับไว้ทั่วทั้งผิวขาวซีด รอยจูบแดงช้ำตัดกับผิวขาวมนอย่างดีประหนึ่งตีตราสัญลักษณ์ความเป็นเจ้าของ คุโรโกะรังเกียจสัมผัสนี้เกินทน แม้ทั่วทั้งร่างจะอ่อนระทวยแต่กระนั้นร่างบางก็ไม่ยอมแพ้ที่จะแสดท่าทางต่อต้านหรืออะไรก็ตามแต่ที่บ่งบอกว่าเขารังเกียจ!
“ปล่อยนะ! ปล่อย!!! ฮึก...”
“อย่าดื้อได้ไหม!” แรงมาก็แรงกลับ อาโอมิเนะไม่ใช่ผู้ชายใจเย็นมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ความคิดที่จะถนอมคนตัวเล็กในมือมลายหายไปจากหัวเมื่อไรเขาก็ไม่อาจทราบได้ แต่ยิ่งเขาเห็นคุโรโกะต่อต้านเขาก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด!
“อ๊า!!!”
คนตัวเล็กกรีดร้องลั่นเมื่ออยู่ๆอาโอมิเนะก็กัดเข้าที่ซอกคอ แต่หาใช่การกัดด้วยเขี้ยวของแวมไพร์ไม่...แต่ชายหนุ่มกัดเขาด้วยฟันของมนุษย์ คุโรโกะร้องไห้สะอึกสะอื้นอีกครั้ง ไม่สามารถห้ามตัวเองให้เผลอร้องออกมาด้วยความเจ็บได้ อาโอมิเนะละออกมาจากต้นคอขาวน่ากิน นัยน์ตาสีไพลินจ้องมองรอยฟันบนคอของคุโรโกะด้วยความพึงพอใจ รอยยิ้มร้ายยิ้มหยักบนมุมปากเมื่อฝ่ามือแข็งแรงไล้ไปที่รอยตำหนิตรงนั้น
“อย่าทำเป็นร้องไปหน่อยเลย ตอนโดนอาคาชิทำนายคงจะร้องด้วยความสุขสมเลยล่ะสิ”
คำพูดของแวมไพร์หนุ่มทำให้ใบหน้าหวานที่กำลังสะอื้นส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เข้าใจ ชายหนุ่มได้เห็นเช่นนั้นก็ไม่พอใจ กระชากเสื้อของคุโรโกะเข้าหาตัว
“อย่ามาทำไขสือ ฉันสังเกตนะว่าช่วงนี้นายหายไปไหนกับหมอนั่นมาตั้งนานสองนาน แถมเมื่อคืนก็ไปห้องอาคาชิมาไม่ใช่หรือไง?!”
“มะ...ไม่ใช่...ฮึก” คนตัวเล็กตั้งใจจะบอกว่าไม่ใช่อย่างที่เห็น แต่เพราะความสะอึกสะอื้น และความจุกในใจทำให้ร่างบางพูดจาติดๆขัดๆราวกับคนมีพิรุธ
“โกหก! ฉันมันก็หลงคิดไปว่านายไม่เหมือนคนอื่น แต่ผิดเลย...นายมันก็ไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงร่านๆพวกนั้น อ้าขาให้ผู้ชายได้ง่ายๆ พวกสำส่อน!”
“!”
คำด่าทอหยาบคายที่คุโรโกะไม่เคยนึกไม่เคยฝันว่าตัวเองจะโดนต่อว่าเช่นนั้น ดวงตากลมที่คลอไปด้วยน้ำตาเบิกกว้างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ร่างบางเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความเจ็บปวดหัวใจอย่างถึงที่สุด รู้สึกทั้งผิดหวังและเสียใจราวกับมีคนเอามีดมากรีดหัวใจของเขาอย่างช้าๆ และกระหน่ำแทงไม่ยั้งอย่างไร้ความปราณี...
อาโอมิเนะตัดสินให้เขาเป็นคนไร้ศักดิ์ศรีแสนน่ารังเกียจ ทั้งที่อีกฝ่ายยังไม่ได้ฟังเขาอธิบายเลยแม้แต่คำเดียว....นี่น่ะหรอคนที่บอกว่ารักเขา?
“คนใจร้าย...ฮึก...”
ร่างบางเอ่ยลอดไรฟันด้วยความเจ็บแค้นและความเสียใจ ความรู้สึกสองสิ่งนี้ตีกันจนสับสนวุ่นวาย คุโรโกะร้องบอกตัวเองในใจว่าจะต้องไม่ร้องไห้ ทว่าน้ำตากลับไหลไม่ยอมหยุด...ยิ่งพยายามลืมมากเท่าไร...คำพูดอันไรเยื่อใยของอาโอมิเนะก็ยังคงดังในหัวอย่างไม่ยอมหยุด มันช่างเจ็บปวด...และทรมานที่หัวใจเหลือเกิน...
“หา?” แวมไพร์หนุ่มกระตุกคิ้วให้กลับคำพูดของอีกฝ่าย นัยน์ตาคมเรียวรีไม่มีความเห็นใจอยู่บนแววตา... “ฉันก็ไม่ได้ต้องการให้นายมาเห็นว่าฉันเป็นคนดีมาตั้งแต่แรกแล้ว”
“อื้อ!!!”
อาโอมิเนะประริมฝีปากลงบนริมฝีปากอวบอิ่มอย่างรุนแรง ฝ่ามือแข็งแรงบีบกรามของคุโรโกะแน่นเพื่อเป็นการบีบบังคับให้ร่างเล็กเปิดปากออก ร่างเล็กดีดดิ้นไปมาในอ้อมอกชายหนุ่มอย่างสุดความสามารถ สองมือเล็กๆทุบแผงอกแกร่งดังปึกๆแต่ช่างไม่ส่งผลอะไรเลย คุโรโกะพยายามเบี่ยงหน้าหนีแต่ทว่าอีกฝ่ายไม่ยอมให้ทำเช่นนั้น เขาบีบกรามคุโรโกะแน่นขึ้นจนร่างเล็กต้องเผยอปากออกอย่างเสียไม่ได้ด้วยความเจ็บ เรียวลิ้นไล้ริมฝีปากให้คนตัวเล็กเปิดปากรับ สัมผัสอันรุนแรงหนักหน่วงขึ้นทีล่ะน้อย แต่ในเมื่อคุโรโกะยังคงไม่ยอมเขาง่ายๆ สองมือหนาจึงเริ่มเลื่อนลงไปสัมผัสตามส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างผอมบาง แล้วเริ่มจัดการถอดเสื้อผ้าที่ช่วยปกปิดผิวบอบบางของคุโรโกะออกอย่างรุนแรง
เรียวลิ้นหนาสีชมพูนุ่มสำรวจไปทั่วโพรงปากแสนหวานล้ำ ค่อยๆเกี่ยวตวัดหยอกล้อลิ้นเล็กอันไม่ประสีประสาอย่างชำนาญ จัดการดูดดุนด้วยความปรารถนาที่มากเกินกักเก็บ ร่างเล็กทั้งร่างสั่นสะท้านอย่างช่วยไม่ได้ แทบเกือบหยุดหายใจไปชั่วครู่กับลีลาการจูบแสนรุนแรงของอาโอมิเนะ ลมหายใจหนักๆถี่กระชั้นขึ้นเมื่อรสชาติความหวานของคุโรโกะช่างน่าลิ้มลองกว่าที่คาดคิดไว้มาก
อาโอมิเนะไม่มีจังหวะไหนทีปล่อยให้ร่างเล็กพักหายใจ ริมฝีปากของคุโรโกะช่างหวานยิ่งกว่าทุกครั้ง แวมไพร์หนุ่มจูบมนุษย์ตัวน้อยในมือด้วยความเร่าร้อน จังหวะลิ้นอันแสนร้อนแรงที่เกี่ยวตวัดกับลิ้นเล็กราวกับเริงระบำบนเปลวไฟ เสียงน้ำลายอันเฉอะแฉะดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน แต่กระนั้นอาโอมิเนะก็ยังไม่หยุดเพียงเท่านี้...ชายหนุ่มจูบคนร่างเล็กอย่างโหยหาจนค่อยข้างเอนเอียงไปในทางตัญหา ริมฝีปากอวบอิ่มเริ่มแดงช้ำจากการจูบหนักหน่วงที่เหมือนจะทำเขาให้ขาดใจตาย
“อึก...อึก...” คุโรโกะเริ่มร้องเสียงดังอึกอักในลำคอด้วยความทรมาน รู้สึกเหมือนถูกจูบที่แสนเผด็จการนี้ช่วงชิงอากาศไป อาโอมิเนะแม้ไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ยอมละออกมาจากริมฝีปากแสนหวานอย่างอ้อยอิง ลิ้นหนาสีชมพูทั้งสองแยกออกจากัน...พร้อมกันกับที่น้ำลายยาวใสอันเคยเชื่อมต่อขาดออกจากกันด้วย...
“ฮ้า...ฮ้า...” ริมฝีปากอวบอิ่มเผยอเข้าเผยอออกเพื่อหายใจ ใบหน้าขาวเนียนบัดนี้ขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างน่าชังจากพิษของจูบเมื่อครู่ หน้าอกขาวกระเพื่อมขึ้นลงตามลมหายใจหนักหน่วง
ริมฝีปากหยักเหยียดยิ้มร้าย นัยน์ตาคมไล่มองต่ำลงจากใบหน้าหวานลงมายังหน้าอกขาวเนียน แล้วชายหนุ่มก็ต้องเบิกตากว้างเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้นกับภาพที่เห็นตรงหน้า ไม่อาจลดรอยยิ้มบนริมฝีปากตัวเองลงได้เลย...
ร่างกายอันไร้ซึ่งอาภรณ์ก็ว่าเซ็กซี่แล้ว...ไหนจะผิวขาวๆอมชมพูราวกับน้ำนมนั่นอีก แต่คงจะไม่มีอะไรอีโรติกไปกว่าหน้าอกอิ่มสวยของคุโรโกะ...
“อ๊า!” ร่างบางเปล่งเสียงหวานอกมาทันทีครั้นยอดอกถูกดูดดุนอย่างรุนแรง ใบหน้าหวานที่เขินจนขึ้นสีแดงระเรื่อพร้อมกับริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยอออกนั้นช่างลากมกสิ้นดี...แต่ทว่าสิ่งที่ดูดดุนเม็ดไข่มุกเม็ดงามนั้นหาใช่อาโอมิเนะไม่ แต่เป็นเจ้าสิ่งมีชีวิตปริศนารูปร่างคล้ายหนวดที่อาโอมิเนะจับมันยัดเข้ามาในเสือของคุโรโกะในตอนแรกต่างหาก...
รูปร่างของมันยาวขึ้นจนโอบล้อมไปทั่วร่างบอบบางอย่างสะเปะสะปะ ส่วนหัวที่มีปากครอบปลายยอดอกสีชมพูสวยไว้ พลางออกแรงดูดดุนจนมันเกิดรอยสีแดงช้ำประหนึ่งเม็ดเชอร์รี่อันน่ากิน ส่วนปลายของมันสัมผัสแถมสะโพกกลมมนนุ่มนิ่มอย่างร่าเริง ผิวอันลื่นเป็นเมือกของมันทำให้คนตัวเล็กไม่อาจหักห้ามเสียงครางหวานของตัวเองได้
คุโรโกะกัดริมฝีปากล่างของตนด้วยความรู้สึกขมขื่น ร่างบอบบางสั่นไหวอย่างน่าสงสารทั้งน้ำตา ทั้งอับอายที่ตัวเองต้องมาเปลือยต่อหน้าคนที่กำลังจะข่มขืนเขา ไม่อยากจะรู้สึกดีด้วยเลยสักนิดกับการลวนลามที่น่ารังเกียจนี้...แต่ว่าร่างกายมันกลับไม่เชื่อฟัง ทั้งโกรธ...ที่ตนเองอ่อนแอและไร้กำลัง ปล่อยให้อาโอมิเนะทำร้ายร่างกายของเขาได้อย่างง่ายดาย
“ชุดนักเรียนสมัยนี้นี่มันถอดง่ายจังเลยนะ ดูสิ...แปบเดียวก็ถูกถอดลงไปกองกับพื้นแล้ว”
แวมไพร์หนุ่มยิ้มเหี้ยม ก่อนจะดึงเอาสิ่งมีชีวิตปริศนาที่กำลังลวนลามคุโรโกะออกแล้วจัดการเผามันให้ตายทั้งเป็นด้วยปลายนิ้ว ลิ้นหนาเลียเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าหวานให้อย่างอ่อนโยน แต่ทว่าคุโรโกะกลับรีบเบี่ยงหน้าหนี แม้จะถูกเช็ดน้ำตาไปมาเท่าไรคุโรโกะก็ยังคงร้องไห้และมีน้ำตาไหลอาบแก้มไม่ขาดสายอยู่ดี
“ร้องไห้บ่อยแบบนี้ฉันไม่ชอบหรอกนะ เห็นฉันเป็นพ่อพระหรือไง...”
“...” คนร่างเล็กเม้มริมฝีปาก กลั้นเสียงสะอื้นไว้ข้างในด้วยความโกรธและเสียใจ...
คำพูดอันโหดร้าย...ช่างขัดแย้งกับสิ่งที่ผู้ชายคนนี้เคยพูดในป่ารัตติกาล...ในตอนที่ผู้ชายคนนี้ช่วยเขาไว้ อาโอมิเนะพูดอีกอย่าง...แต่ทว่าตอนนี้กลับพูดตรงกันข้ามจากหน้ามือเป็นหลังมือ
...งั้นเองหรอ
คำพูดตอนนั้น...โกหกสินะ...
แผนการที่แท้จริง...ก็คือแบบนี้ใช่ไหม?
คุโรโกะกล้ำกลืนฝืนทนความรู้สึกทั้งหมด คิดไปคิดมาน้ำตาก็พาลจะไหลเอาซะดื้อๆ แวบหนึ่งเขาเผลอคิดไปว่าอาโอมิเนะเป็นคนดี แม้บางครั้งจะใจร้ายไปบ้างแต่ก็มีมุมอ่อนโยน...
ที่แท้...เขาคิดผิดมาตลอด
ทุกอย่างที่ดีด้วย...ทุกอย่างที่อ่อนโยนด้วย...ทุกอย่างทั้งหมดนั้นทำเพื่อให้เขาตายใจ เพื่อที่จะได้ย่ำยีร่างกายเขาแบบวันนี้สินะ...
“เป็นอะไรไป?” ชายหนุ่มเอ่ยถามครั้นเห็นว่าอยู่ๆร่างเล็กก็เงียบไป ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนเข้ามาใกล้ นัยน์ตากลมโตสีฟ้าครามอันเต็มไปด้วยคราบน้ำตาตวัดขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยความโกรธเกลียดอย่างถึงที่สุด! และนั่นแหละคือโอกาสเพียงหนึ่งเดียวที่มี!!
คุโรโกะอาศัยจังหวะที่ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้และไม่ทันได้ระวังตัว เอาหัวตัวเองโขกกับหัวอีกฝ่ายอย่างแรงทันที แวมไพร์หนุ่มเผลอร้องโอ๊ยออกมาด้วยความเจ็บแล้วผงะไปด้านหลัง ร่างบางอาศัยโอกาสนี้พยายามดึงเรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดผลักอาโอมิเนะออกห่างจากตัวสุดแรง!
“โอ๊ย!”
ได้ผล! คุโรโกะคิดในใจด้วยความหวังว่าบางทีเขาอาจจะหนีพ้น เพราะแรงที่เขาผลักเมื่อกี้ทำให้อาโอมิเนะหงายหลังตกลงเตียงไป คนตัวเล็กไม่มีเวลามาคิดเรื่องต่อจากนี้ แม้ขาทั้งสองข้างจะไม่ค่อยมีแรงแต่ร่างบางก็อาศัยโอกาสหนีรีบกระโดดลงเตียงอีกฝากทันที
แต่ทว่า...
ปึก!
“อ๊ะ!!!”
คนตัวเล็กล้มลงไปนอนคว่ำกับพื้นเมื่อขาทั้งสองข้างไร้เรี่ยวแรงที่จะทรงตัว นัยน์ตากลมตวัดกลับไปมองที่ขาตัวเองด้วยความเจ็บใจที่ยายังไม่หมดฤทธิ์ และแล้วใบหน้าก็ต้องซีดเผือดเป็นสีของกระดาษเมื่อเขาเห็นว่าอาโอมิเนะกำลังลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางมึนๆ แต่นัยน์ตาเรียวรีกลับจ้องมองมาทางเขาด้วยแววตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“มะ...ไม่!” ริมฝีปากบางตะโกนออกมาอย่างขวัญเสีย ความกลัวเข้ากัดกินจนทำอะไรไม่ถูก ร่างบางพยายามจะคลานหนี แต่ทว่าสายไปเสียแล้ว...
“แสบนักนะ!”
อาโอมิเนะเดินมาจับตัวเขาทัน ฝ่ามือแกร่งบีบที่ข้อมือบางอย่างแรงจนคนอ่อนแอกว่านิ่วหน้าด้วยความเจ็บ ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็ไม่เห็นใจ อยากรนหาที่เอง ช่วยไม่ได้! ตอนแรกว่าจะพยายามทำใจดีด้วย! แต่คงไม่ต้องแล้วมั้ง!!!
“โอ๊ย!” คนตัวเล็กร้องออกมาอีกครั้งด้วยความจุกครั้นถูกกระชากกลับมานอนลงที่เตียงอีกครั้ง คราวนี้แวมไพร์หนุ่มไม่โง่เชื่อใจคนร่างบางอีกต่อไป ร่างแกร่งเคลื่อนตัวมาคร่อมอีกฝ่ายให้อยู่ใต้ร่างไว้ สองมือหนาประคองใบหน้าหวานขึ้นมาอย่างบังคับ แม้ใบหน้าหวานจะดูไม่ได้เพราะคราบน้ำตา แต่คุโรโกะก็พยายามต่อต้าน ทั้งจิก ทั้งข่วน ทั้งสะบัดหน้าสุดแรงจนเส้นความอดทนของอาโอมิเนะชักจะตึงๆ
“เลิกดื้อด้านสักทีเท็ตสึ! สภาพเปลือยแบบนี้ยังจะอยากหนีอีก อยากถูกเอามากนักรึไง!”
“ฮึก...ไม่!...ปล่อยผมนะ! ฮือ...”
“น้ำตามันไม่ช่วยอะไรหรอก!”
“ผะ...ผมก็ไม่ได้อยากร้อง ฮึก...ฮือ...แต่คนอย่างคุณไม่เข้าใจหรอก!”
“เลิกร้องไห้สักที!”
อาโอมิเนะเอ่ยอย่างหัวเสียและโมโหอย่างถึงขีดสุด ทว่าคุโรโกะก็ยังคงไม่ยอมหยุดดิ้น นัยน์ตาสีน้ำเงินไพลินมองใบหน้าหวานด้วยความสงสารแวบหนึ่งที่แล่นเข้ามาในสมองเพียงชั่วครู่ คุโรโกะอ่อนแอ...ใช่ อ่อนแอมาก ร่างกายก็ผอมบางต่างจากผู้ชายทั่วไป น้ำตาที่อาบหน้านั้นก็ช่างน่าสงสารเสียเหลือเกิน... ไม่มีส่วนไหนของคุโรโกะที่เข้มแข็งเลยแม้แต่น้อย...ไม่ว่าจะร่างกายหรือจิตใจ ทุกอย่างช่างเปราะบางราวเศษแก้ว...
ทั้งที่อ่อนแอขนาดนั้น...แล้วทำไมถึงจะต้องต่อต้านอย่างเอาเป็นเอาตายขนาดนั้นด้วย แค่นอนรอแล้วยอมแพ้เรื่องมันก็ง่ายไปแล้วไม่ใช่หรอ...
ไม่เข้าใจ...
เขาไม่เข้าใจมนุษย์เลย...
“โอ๊ย!!!”
ชายหนุ่มร้องลั่นและหลุดออกมาจากภวังค์ความคิดโดยทันที เมื่ออยู่ๆความเจ็บปวดเล็กๆบริเวณมือก็แล่นเข้ามาในสมอง แวมไพร์หนุ่มกัดฟันแน่น...นัยน์ตาเรียวรีตวัดขึ้นมองคนตัวเล็กที่บังอาจกัดมือเขาอย่างโกรธเคือง!
ได้! จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม?!
“อื้อ!”
ริมฝีปากหยักได้รูปประทับลงบนริมฝีปากบางอย่างรุนแรง ฝ่ามือหนาบีบกรามคุโรโกะแน่นเสียจนมันแทบจะหักคามือ ร่างบางทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บ หยาดน้ำตาค่อยๆไหลรินสะท้อนถึงความเจ็บปวดที่ไม่ได้เปล่งเสียงร้องออกมา คุโรโกะเม้มริมฝีปากแน่น พลางพยายามเบี่ยงหน้าหนีอาโอมิเนะทั้งน้ำตา แต่ทว่าอีกฝ่ายไม่ยอมแพ้ เรียวลิ้นนุ่มค่อยๆดันเข้าไปในโพรงปากบางทีล่ะน้อย มันเกี่ยวตวัดกับลิ้นเล็กอย่างรุนแรงจนคนร่างบางสัมผัสได้ถึงรสขมฝาดบนปลายลิ้น คนตัวเล็กส่งเสียงอื้ออึงในลำคอด้วยความอึดอัดกับจุมพิตอันแสนเผด็จการที่ตัวเขารังเกียจ ความร้อนดุจเปลวไฟสั่นสะท้านเข้ามาถึงในทรวงอกลามลงมายังท้องน้อย มือบอบบางกำเสื้ออีกฝ่ายแน่น แก้มนวลเปลี่ยนเป็นสีระเรื่อครั้นเริ่มรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก
อาโอมิเนะยิ้มในใจอย่างมีชัย เพราะคิดว่าคุโรโกะคงจะยอมแพ้---
“อั่ก!!!”
ทว่าทุกอย่างไม่หอมหวานดั่งที่ใจคิด อาโอมิเนะร้องออกมาอีกครั้งด้วยความเจ็บเมื่อคุโรโกะงับลิ้นของเขาอย่างแรงเสียจนเลือดสีแดงสดไหลออกมา อาโอมิเนะสบถคำหยาบคายระบายความเจ็บ รู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือดภายในโพรงปากของตนเอง เขารีบละออกมาจากริมฝีปากบางอย่างรวดเร็ว นัยน์คมจ้องคุโรโกะกลับไปอย่างโกรธเกรี้ยว เมื่อครู่หลงคิดไปว่าเป็นคนอ่อนแอ
ที่ไหนได้...ความจริงแล้วนี่มันงูพิษชัดๆ!
“นายกัดฉัน...” อาโอมิเนะกัดฟันพูดด้วยความโกรธ นัยน์ตาคมที่จ้องมองมาทำให้คนตัวเล็กตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า ใบหน้าหวานซีดเผือดด้วยความกลัวสุดหัวจิตหัวใจ ดวงตากลมโตเบิ่งค้างช็อกในสิ่งที่ตนเองทำลงไป...
...เขาไม่ได้ตั้งใจ...
ร่างกายมันขยับไปเอง...
เพี๊ยะ!!!
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนตามแทบไม่ทัน ฝ่ามือแกร่งตบเข้าที่แก้มนวลอย่างแรงมากเสียจนร่างบางหน้าหันแล้วเซล้มลงจากเตียงไปนั่งกองลงบนพื้น คุโรโกะนิ่งไปชั่วขณะด้วยความช็อก ก่อนที่มือบอบบางอันสั่นเทาจะยกขึ้นมาสัมผัสแก้มที่ขึ้นรอยแดงเถือกอย่างแผ่วเบา มั้นทั้งแสบและเจ็บปวด...กลิ่นคาวเลือดในปากแล่นความเข้ามาในความรู้สึก โลหิตค่อยๆซึมออกมาผ่านทางมุมปากก่อนจะหยดลงบนพื้นพรมเป็นจุดแดงเล็กๆ เฉกเช่นเดียวกับน้ำตาที่ไหลริน ดวงตาสีฟ้าครามมองหยดเลือดบนพื้นด้วยแววตาตะลึงงัน
ตั้งแต่เกิดมา...เป็นครั้งแรกที่เขาโดนตบ
“อะ...อาโอมิเนะคุง...” ใบหน้าหวานอันเปรอะเปื้อนคราบน้ำตาเงยหน้าขึ้นมอง เสียงอันน่าสงสารเปล่งเรียกชื่อของคนที่เพิ่งทำร้ายตนด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ....
ไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายจะโหดร้ายถึงขนาดลงมือทำร้ายเขาด้วยตัวเองแบบนี้...
“รู้อะไรไหมเท็ตสึ...” อาโอมิเนะก้าวเข้ามาด้วยแววตามุ่งร้าย คุโรโกะดวงตาเบิกกว้างด้วยความกลัว ร่างบางพยายามจะถอยหนี แต่อาโอมิเนะคงไม่มีทางให้เกิดเรื่องนั้นซ้ำสองอีกแล้ว อาโอมิเนะจับข้อมือบางแน่นเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสามารถคลานหนีไปไหนได้ นัยน์ตาคมสบเข้ามาภายในดวงตาสีฟ้าคราม “ตอนแรกฉันไม่คิดจะทำร้ายนายแบบนี้หรอก”
ชายหนุ่มแสดงสีหน้าเหนื่อยหน่ายออกมา “แต่เพราะนายมันดื้อและไม่ยอมเข้าใจอะไรสักที ฉันถึงต้องรุนแรงแบบนี้ไง แล้วดูสิ...ใบหน้าขาวๆแสนน่ารักนั่นเปื้อนน้ำตาไปหมด ไม่น่ารักเลยนะ”
คนตัวเล็กไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ของแวมไพร์หนุ่มได้ ร่างบางเม้มริมฝีปาก กลัวจนไม่กล้าพูดอะไรออกมา
...อาโอมิเนะยกยิ้มอย่างพึงพอใจ ถ้าเป็นเด็กดีแบบนี้ตั้งแต่ทีแรกก็คงหมดเรื่อง...
“เอาล่ะเท็ตสึ ดูท่าว่าฉันคงใจร้ายกับนายมากไปหน่อยสินะ ขอโทษนะที่เผลอพูดจาทำร้ายจิตใจแบบนั้น ไหนจะเรื่องเสียมารยาทอีกมากมายที่ฉันทำกับนายอีก โอ๋ๆ ตรงแก้มนี้คงจะเจ็บมากเลยสินะ” ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาลูบแก้มที่ตนเคยตบไปอย่างเอ็นดูราวกับปลอบประโลม แต่คุโรโกะไม่หลงเชื่อ ร่างบางรีบปัดความหวังดีจอมปลอมออก
อาโอมิเนะไม่คิดมากอะไรกับการกระทำของเด็กน้อย ริมฝีปากหยักได้รูปยิ้มร่าพร้อมกับดวงตาที่เล็กหยี แม้ว่าท่าทางจะเป็นมิตร...แต่น้ำเสียงและรอยยิ้มช่างหาความจริงใจไม่ได้
“ถ้างั้นเอาแบบนี้เป็นไง เรามาทำข้อตกลงกันดีกว่าไหม?” อาโอมิเนะชูนิ้วชี้คล้ายเลขหนึ่งขึ้น เขารีบพูดต่อเมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่ไว้ใจของคุโรโกะ “ถ้านายยอมตกเป็นของฉันแต่โดยดี คืนนี้จะผ่านไปอย่างอ่อนโยน”
“...”
“ฉันจะไม่รุนแรง จะไม่ตบตี นี่เป็นครั้งแรกของนายใช่ไหมล่ะ นายคงไม่อยากให้ประสบการณ์เซ็กส์ครั้งแรกต้องเจ็บปวดทรมานนะ ฉันได้ยินมาว่าครั้งแรกของมนุษย์ผู้ชายมันเจ็บน่าดูเลยล่ะ”
“...”
“ว่าไง?”
อาโอมิเนะถามย้ำด้วยรอยยิ้ม คุโรโกะจ้องใบหน้าร่างสูงอย่างเงียบงันอยู่ชั่วครู่ ความกลัวที่เกาะกินหัวใจร้องบอกให้เขาคิดตัดสินใจให้ดี...
“สรุปคือ...ถ้าผมตกลงเป็นแฟนคุณ คุณก็จะไม่ทำร้ายผม...” ริมฝีปากอวบอิ่มกล่าวเสียงสั่น อาโอมิเนะยิ้มร่าทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น
“ใช่แล้วล่ะ เข้าใจง่ายดีนี่นา”
“...”
“แล้วว่าไง? ตกลงหรือ...ไม่ตกลง?” ประโยคแรกเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส ประโยคหลังนั้นนัยน์ตาคมประกายแสงความน่ากลัวเจืออยู่ภายใน แม้ทางเลือกมีให้สองทาง...แต่คนถามนั้นต้องการให้เด็กน้อยเลือกทางไหนก็เป็นเรื่องที่รู้กัน และคุโรโกะเชื่อว่าอาโอมิเนะจงใจทำตาแบบนั้นให้เขาเห็น
“...”
...คำตอบว่าอะไรงั้นหรอ...
คุโรโกะกำหมัดแน่นอย่างลังเล...เขาอ่อนแอ เรื่องนี้เขารู้ดีอยู่แก่ใจ แต่ว่า...เขาไม่อยากตกลงเป็นแฟนกับคนที่เขาไม่รัก และไม่ว่าจะทางไหนเขาก็ต้องถูกขืนใจอยู่ร่ำไป...
แต่ว่า...
...มันมีทางเลือกอื่นให้คนอ่อนแออย่างเขาด้วยงั้นหรอ
‘เด็กดีของฉัน...’
‘นายไม่ชอบฉันบ้างหรอ?’
เสียงของบุคคลสองคนที่เขาคุ้นเคยดีดังขึ้นในสมอง นั่นเป็นครั้งแรกที่คุโรโกะรู้สึกถึงหัวใจตัวเอง...
“ขอโทษนะครับอาโอมิเนะคุง แต่ผม..”
“...”
คุโรโกะสูดหายใจเข้าลึก “ขอปฏิเสธ”
คำประกาศกร้าวเอ่ยออกมาจากความรู้สึก แม้จะผวาไปบ้าง...แต่คุโรโกะยืนยันที่จะตอบเช่นนั้น คนตัวเล็กเชื่อมั่นว่าแม้จะตอบตกลงไป แต่ยังไงเสียก็คงไม่มีวันที่เขาจะรักอาโอมิเนะหรอก คำพูดที่ว่าอยู่ๆกันไปเดี๋ยวก็รักกันเองนั่น...มันก็เป็นแค่คำพูดของพวกชอบหนีความจริง
“...ไม่ตกลงงั้นหรอ” อาโอมิเนะยืนขึ้น สีหน้าของเจ้าตัวแสดงออกมาชัดเจนว่า ‘ว่าแล้วเชียว’ ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองอย่างหวาดหวั่น
ว่าคำตอบเมื่อกี้จะเป็นลางดีหรือลางร้าย...
ทันใดนั้นเองอยู่ๆ ริมฝีปากหยักก็เหยียดยิ้ม ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ทำให้คนมองเย็นยะเยือกไปถึงไขสันหลัง เมื่อชายหนุ่มก้มลงมาสบตาเขา คุโรโกะก็รู้ตัวในทันทีว่าเขาหนีไปไหนไม่รอดแล้ว!
ดวงคมเรียวรีไม่ต่างจากแววตาของสัตว์ป่า ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มกว้างอย่างน่าสะพรึงจนเห็นเขี้ยวแวมไพร์โผล่พ้นออกมาจากริมฝีปาก
“ถ้าไม่ตกลง งั้นฉันก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องใจดีด้วยอีกต่อไป”
“อ๊า!”
คุโรโกะกรีดร้องลั่นด้วยความตกใจเมื่อถูกอาโอมิเนะกระชากลากให้เขากลับขึ้นมาบนเตียงอีกครั้ง คราวนี้ชายหนุ่มรุกหนักมากกว่าเมื่อครู่ ร่างแกร่งขึ้นคร่อมคนตัวเล็กไว้ใต้ร่าง ริมฝีปากบางไล้ไปทั่วทุกส่วนสร้างรอยสีกุหลาบบนร่างกายอันเปลือยเปล่าอย่างรุนแรง คนร่างเล็กดิ้นพล่านเหมือนปลาถูกน้ำร้อนลวก ความกลัวเริ่มโจมตีเข้ามาอย่างหนักเมื่อเห็นรอยยิ้มอันน่ากลัวของผู้ชายที่เคยอบอุ่นกับเขาเมื่อครั้งอดีต
อาโอมิเนะกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์บนมุมปาก สองมือหนาจัดการตรึงข้อมือบางติดกับที่นอน ก่อนจะประกบริมฝีปากของตนลงที่ยอดอกนูนสีชมพูสวย คุโรโกะครางลั่นทันทีเมื่อยอดอกถูกโลมเลียอย่างจาบจ้วง แวมไพร์หนุ่มดูดเม้มเม็ดไข่มุกอย่างหิวกระหายประหนึ่งลิ้มรสของหวานแสนอร่อย คล้ายกับเด็กดูดนมแม่ก็ไม่ปาน...ลิ้นหน้าตวัดเข้าตวัดออกอย่างชำนาญ เสียงดูดเม้มแสนน่าอายดังคลอเบาๆ มืออีกข้างทีว่างสะกิดยอดอกนูนอย่างหยอกเย้า คุโรโกะบิดกายไปมาด้วยความเสียซ่าน ในใจร่ำร้องว่าตัวเองไม่ได้ต้องการแสดงท่าทางแบบนี้ แต่ทว่าร่างกายกลับไม่ยอมฟัง
“มะ...ไม่เอานะ...ฮึก” คุโรโกะร้องต่อต้าน แต่ถึงกระนั้นร่างกายกลับไร้ซึ่งการตอบสนอง ร่างทั้งร่างอ่อนระทวยไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ยอดอกของตนถูกดูดเม้มอย่างรุนแรงเสียจนมันขึ้นรอยแดงช้ำไปหมด
“นายน่ารักมากเท็ตสึ กลิ่นนายหอมมาก...น่ากินไปหมด” ชายหนุ่มกล่าวเสียงพึมพำราวกับกำลังละเมอกับตัวเอง ไล้จมูกโด่งไปทั่วทุกส่วนบนผิวขาวอมชมพู สูดกลิ่นกายความหอมให้ชุ่มฉ่ำใจ สองมือหนาลูบไล้ส่วนเว้าส่วนโค้งด้วยแรงปรารถนา ออกแรงบีบคลึงตามเนื้อนวลเสียจนเกิดรอยช้ำเป็นจุดๆ แต่คงจะไม่มีอะไรหอมและขย้ำได้มันส์มือมากไปกว่าก้นเนียนนุ่มอีกแล้ว
“ฮึก! อย่าแตะนะ...อย่าจับตรงนั้น!” คุโรโกะร้องลั่นเมื่อฝ่ามือหนาหยาบกร้านเลิ่มไล้ลงมาสัมผัสที่สะโพกของเขา อาโอมิเนะได้เห็นเช่นนั้นก็ยกยิ้มด้วยความพึงพอใจ มีหรือที่เขาจะทำตามคำขอของคุโรโกะ
เพี๊ยะ!
“อ๊า!”
ชายหนุ่มฟาดก้นน้อยนุ่มนิ่มอย่างแรงจนมันปรากฏรอยแดงเถือก คุโรโกะร้องลั่นทั้งน้ำตากับความเจ็บแสบจากก้นน้อยที่แล่นเข้ามาในความรู้สึก จริงอยู่ว่าแม้อาจตีไม่ถนัดจากท่านอนของคนตัวเล็ก แต่ทันทีที่เขาฟาดลงไปเขาก็อดใจตัวเองไม่ได้ที่จะบังคับมือให้ฟาดลงไปอีก
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!! เพี๊ยะ!!!
“อ๊า! เจ๊บครับ อย่าตี...ฮึก...”
เสียงร้องแสนหวานช่างเข้ากันกับใบหน้าแสดงความเจ็บปวดนั่นเสียเหลือเกิน อาโอมิเนะทั้งออกแรงขย้ำสลับกับฟาดเป็นช่วงๆ จากสะโพกกลมมนอันขาวนวลเริ่มปรากฏรอยแดงเถือก
“ห้ามฉันทำไมล่ะเท็ตสึ นายเองก็ดูท่าจะชอบไม่ใช่หรอ” ริมฝีปากบางเอ่ยถามเสียงยียวน ปลายนิ้วไล้ไปตามกลีบปากสีชมพูนุ่ม ก่อนจะเลื่อนขึ้นมาสัมผัสบนขอบตาบางอันเปรอเปื้อนหยดน้ำตา
คุโรโกะร้องไห้ พลางส่ายหน้าปฏิเสธรัวอย่างน่าสงสาร เขาไม่ได้ชอบเลยแม้แต่น้อย...มันเจ็บปวดและทรมานผิดกับที่หนังสือเคยบอกเขาลิบลับ มันบอกเขาว่าครั้งแรกจะเต็มไปด้วยความรักและความสุขไม่ใช่หรอ...แล้วทำไมสิ่งที่เขากำลังได้รับอยู่ตอนนี้ถึงมีแต่ความทุกข์ และความเสียใจล่ะ...
ร่างกายของเขา...มันกำลังค่อยๆสกปรก
“รังเกียจหรอเท็ตสึ?”
สีหน้าที่แสดงออกมาอย่างเจ็บปวดรวดร้าวทำให้อาโอมิเนะเผลอถามออกไปโดยไม่รู้ตัว ทว่าคุโรโกะไม่ตอบ...ใบหน้าหวานเบี่ยงหน้าหนี เลี่ยงที่จะสบตากับคนที่ลงมือทำร้ายเขาอย่างไร้หัวใจ...
แม้จะถามออกไปแบบนั้นแต่ริมฝีปากหยักยังคงยกยิ้มกว้าง...แวมไพร์หนุ่มผละออกจากร่างอันแสนเย้ายวนตรงหน้า ฝ่ามือแข็งแรงค่อยๆ ถอดเสื้อออกอวดกล้ามเนื้อแข็งแรงที่เรียงสวยเป็นมัด ซิกแพคมีเหงื่อเกาะเป็นหยดพราว
นัยน์ตาเรียวรีกลับมาเหลือบมองกระต่ายน้อยใต้ร่าง เด็กน้อยสะอื้นไห้อย่างตื่นกลัวเมื่อเห็นภาพชายหนุ่มตรงหน้าถอดเสื้อผ้าตัวเอง แวบหนึ่งอาโอมิเนะรู้สึกสงสาร...แต่ความอยากเอาชนะมีมากกว่า!
แวมไพร์หนุ่มเหลือบกลับมามองรูปปั้นขนาดเท่าตัวคนจริงที่ตั้งอยู่อีกฝากของเตียง ระยะห่างของมันไม่ใกล้ไม่ไกลจากเตียงที่เขากำลังทำกิจกรรมกับคุโรโกะมากนัก ซึ่งแน่นอนว่าคนตัวเล็กคงจะไม่สังเกตเห็นถึงความผิดปกติของมัน แล้วถ้าถามว่ามันมีอะไรพิเศษ? หึ...แน่นอนว่าไม่มีใครรู้ถึงความวิเศษวิโสของมันเว้นนอกเสียจากอาโอมิเนะ...
“นี่ เท็ตสึ” อาโอมิเนะยิ้มพราว ก่อนจะดึงคนที่นอนอยู่ลุกขึ้นนั่ง ฝ่ามือแข็งแรงจับใบหน้าหวานให้หันไปมองทางรูปปั้นอย่างบังคับ คุโรโกะน้อยตัวสั่น ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆอย่างไม่เข้าใจว่าอาโอมิเนะต้องการจะเล่นอะไรอีก
“ค...คุณจะทำอะไรครับ...”
“หึๆ” ชายหนุ่มเดาใจร่างเล็กได้...เขาหัวเราะเสียงทุ้มต่ำในลำคอ ก่อนจะค่อยเอ่ยพูด “นายว่ารูปปั้นนั่นสวยไหม?”
ฝ่ามือแข็งแรงเชยปลายคางมนขึ้น พลางผายมือไปยังรูปปั้นอีกข้างที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ คนตัวเล็กไม่เอ่ยปากตอบในทันทีเพราะยังไม่เข้าใจจุดประสงค์ของอาโอมิเนะว่าต้องการอะไร แวมไพร์หนุ่มยิ้มมุมปาก ก่อนจะจับคนตัวผอมบางให้มานั่งลงบนตักของตนแล้วพาหันหน้าไปหารูปปั้นนั้นด้วยกัน
“ไม่ต้องกลัวน่า ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่อยากให้ลองทายเล่นๆว่ามันมีอะไรพิเศษ”
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเล็กน้อยอย่างหนักใจ ดวงตากลมสลับมองระหว่างรูปปั้นกับอาโอมิเนะด้วยสายตาไม่เขาใจจริงๆว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร อาโอมิเนะนั้นไม่เร่งเร้าให้คุโรโกะรีบตอบ...เขาดูใจเย็นจนผิดปกติเกินไป
“อะ...เอ่อ...” ร่างเล็กขยับปากพูดอย่างเสียไม่ได้ แม้ดูจากภายนอกอาโอมิเนะอาจจะใจเย็น แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าจะใจเย็นได้นาน ดังนั้นเขาจึงต้องรีบพูดก่อนที่จะโดนตบหน้าอีกฉาด...
ดวงตากลมโตไล่มองรูปปั้นจากหัวลงล่างอย่างพิจารณา หากถามว่ามันต่างจากรูปปั้นอื่นยังไงมันก็ไม่ต่าง มันเป็นรูปปั้นสีขาวคล้ายกับรูปปั้นหุ่นจำลองวาดภาพในห้องศิลปะ ไม่ว่าจะพยายามมองเท่าไรคนตัวเล็กก็ไม่เห็นว่ามันจะมีความพิเศษอะไรเลย
“ขะ...ขอโทษครับ ผมไม่รู้” ครั้นอัปจนหนทางคนตัวเล็กจึงเอ่ยสารภาพออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ แอบหวั่นในใจว่าอาโอมิเนะจะโกรธ แต่ทว่ากลับกัน...ชายหนุ่มไม่โกรธเลยแม้แต่น้อย เขาหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความสะใจ นัยน์ตาคมตวัดกลับไปมองยังรูปปั้นด้วยแววตาเยาะเย้ย
“ได้ยินไหม? น่าหัวเราะเป็นบ้า” แล้วแวมไพร์หนุ่มก็ระเบิดหัวเราะออกมาอีกครั้ง คำพูดนั้นไม่ได้พูดกับคนตัวเล็กแต่ทว่ากำลังพูดกับรูปปั้น! คุโรโกะมองอีกฝ่ายด้วยความกลัว เสียงหัวเราะแบบนี้ไม่ใช่ลางที่ดีเลย...
อาโอมิเนะก็รู้สึกได้ว่าตอนนี้คนในอ้อมอกคงจะงงและสงสัยจนสมองแทบระเบิดแล้ว ริมฝีปากหยักสีสดกระตุกยิ้มร้ายกาจบนมุมปาก ก่อนจะยกฝ่ามือขึ้นมาสัมผัสโครงหน้าสวยให้จดจ่อไปที่รูปปั้น
“จะแสดงอะไรให้ดูนะเท็ตสึ อย่าร้องซะก่อนล่ะ หึๆ”
อาโอมิเนะชี้นิ้วข้างหนึ่งมาด้านหน้า เสียงแหบต่ำดังสะท้อนอยู่ข้างใบหู คุโรโกะมองตามมืออีกฝ่ายไป แล้วก็ต้องตกตะลึงจนแทบช็อก เมื่อสิ่งที่เคยเป็นรูปปั้นค่อยๆบิดเบี้ยวทีล่ะน้อยราวกับมีหมอกมาบดบัง แล้วทันใดนั้นเองร่างของบุคคลคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นแทนที่!
“โองิวาระคุง!” หัวใจดวงน้อยเต้นโครมครามแทบกระเด็นออกมาจากอก ก่อนหน้านี้เขาไม่ทันได้คิดว่าพวกแวมไพร์ใช้เวทมนร์ได้ เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าอาโอมิเนะจะสร้างภาพลวงตามาหลอกเขา
คุโรโกะรู้สึกเหมือนหัวใจจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อมองเห็นสภาพอันดูไม่ได้ของโองิวาระ ชายหนุ่มถูกมัดนั่งติดกับเก้าอี้ด้วยเชือกเส้นหนา ทั่วทั้งตัวมีแต่บาดแผลและมอมแมมไปด้วยเศษฝุ่นดินกับคราบเลือด ใบหน้าที่เคยสดใสมีแต่รอยฟกช้ำ มุมปากแตก และเปื้อนคราบเลือดเป็นจุดๆเหมือนโดนคนซ้อมมา
“คุโรโกะ...” ริมฝีปากอันซีดเซียวเอ่ยเรียกชื่อคุโรโกะด้วยความถวิลหา ร่างบางสั่นหน้าไปมาทั้งน้ำตา ก่อนจะตวัดสายตากลับไปมองอาโอมิเนะด้วยความโกรธเคือง
“คุณทำแบบนี้ทำไมครับ! เขาไม่เกี่ยวด้วยสักหน่อย!!”
“ใช่ มันไม่เกี่ยวแต่ฉันหมั่นไส้ และมันก็ชอบนาย นั่นแหละที่ฉันเกลียด” นัยน์ตาเรียวรีเหลือบมองโองิวาระ “อันที่จริงฉันตั้งใจจะลงโทษมันด้วยการให้มันมานั่งดูนายโดนฉันข่มขืนโดยที่นายไม่รู้ แต่ว่าตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว”
อาโอมิเนะยิ้มเหี้ยม “ไหนๆมันก็ชอบนาย งั้นฉันก็จะให้มันเอานายด้วยซะเลย!”
“!”
“เป็นความคิดที่ดีใช่ไหมล่ะ?”
“มะ...ไม่! คุณทำแบบนี้ไม่ได้...ฮึก” ร่างบางส่ายหน้าระรัวทั้งน้ำตา ไม่จริงใช่ไหม...อาโอมิเนะล้อเล่นใช่ไหม...ฮึก...ทำไมอีกฝ่ายจะต้องทำร้ายเขาให้อับอายมากขนาดนี้ด้วย...
...ทำไมล่ะ เขาไม่เข้าใจ...
“ฮึก...ไม่เอานะครับอาโอมิเนะคุง...ฮือ...ไม่เอาแบบนี้ หยุดเถอะ...” สองมือบางพยายามจะปัดมือของอีกฝ่ายที่กำลังแตะเนื้อตัวเขาออก ใบหน้าหวานร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างน่าสงสาร แต่อาโอมิเนะก็ไม่สนใจ
“ดูสิโองิวาระ เท็ตสึน่ารักมากเลยใช่ไหมล่ะ?”
“ฮึก...อย่า...ไม่เอา”
ร่างสูงเลียใบหน้าหวานอย่างอ้อยอิง ฝ่ามือหนาบีบคางร่างบางแน่นเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายหันหน้าหนี แม้โองิวาระจะดูนิ่งเพราะโดนซ้อมมาแทบปางตาย...แต่แววหน้านั้นวาวโรจน์อย่างที่ไม่เคยเป็น ร่างสูงได้เห็นเช่นนั้นก็ยิ่งได้ใจ นิ้วเรียวทั้งห้าเริ่มไล้ตามผิวนวลจากหน้าอกยาวลงมาที่ท้องน้อย ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงส่วนกึ่งกลางลำตัว
“หึๆ ดูสิเท็ตสึ ขนาดนายบอกไม่ชอบ ส่วนนี้ของนายกลับร่าเริงจังนะ”
ฮึก...“มะ...ไม่ใช่..” คุโรโกะร้องปฏิเสธ เพราะเมื่อครู่ร่างสูงเอาแต่เล่นกับหน้าอกของเขา ส่วนล่างมันถึงได้ตื่นตัวขึ้นมา
“ส่วนนี้ของเท็ตสึช่างเป็นเด็กที่ซื่อตรงจังเลยนะ”
อาโอมิเนะออกแรงบีบเคล้าคลึงเบาๆ พลางลูบขึ้นลูบลงด้วยจังหวะสม่ำเสมอ คนร่างเล็กหอบหายใจถี่รัว พลางดิ้นพล่านไปมาด้วยความทรมาน ริมฝีปากบางพึมพำว่าอย่าเสียงกระเส่า อาโอมิเนะยกยิ้มด้วยความพึงพอใจเมื่อได้เห็นใบหน้าที่แสนอีโรติกก่อนจะออกแรงรูดขึ้นรูดลงเร็วขึ้น
“อ๊า...อย่า” มือเล็กทั้งสองข้างพยายามผลักอีกฝ่ายออก ความเสียวซ่านที่ถาโถมเข้ามาในความรู้สึกทำให้คุโรโกะเผลอจิกแขนของอาโอมิเนะ ริมฝีปากหยักเหยียดยิ้มกว้างก่อนจะปรายตามองโองิวาระอย่างหยามเหยียด
“เห็นไหมโองิวาระ ยิ่งเวลาเท็ตสึทำหน้าตาแบบนี้ยิ่งเซ็กซี่ นายเองก็คิดแบบนั้นใช่ไหมล่ะ หือ?”
โองิวาระกัดฟันแน่น...โกรธอีกฝ่ายมากจนอยากจะพุ่งเข้าไปต่อยหน้า แต่แค่จะขยับมือเขายังไม่มีแรงเลย...
“ยะ...หยุดครับ ผมจะ...” คุโรโกะตัวสั่นเทา ดวงตากลมโตหลับตาแน่นด้วยแก้มสีเรื่อ นัยน์ตาเรียวรีจ้องมองใบหน้าหวานที่กำลังใกล้จะถึงฝั่งฝัน มุมปากกระตุกยิ้มเล็กๆ ก่อนที่เขาจะเลื่อนนิ้วโป้งลงไปปิดที่ส่วนปลายแก่นกายเล็ก
“อ๊า!” ร่างบางกรีดร้องลั่นเมื่อความฝันที่ใกล้จะถึงจุดหมายพลันถูกปิดกั้นไว้กลางทาง ดวงตากลมช้อนตามองอาโอมิเนะอย่างทรมาน อ้อนวอนให้อีกฝ่ายปล่อยเขาเป็นอิสระเสียที
อาโอมิเนะส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเคลื่อนริมฝีปากไปกระซิบข้างใบหู “ไม่ได้นะที่รัก ยังเร็วไป”
“ขะ...ขอร้องล่ะครับ” เสียงหวานหอบกระเส่าเอ่ยอย่างอ้อนวอน รู้สึกปวดหนึบน้อยๆตรงท่อนเนื้อเล็กครั้นถูกฝ่ามือหนากำไว้เช่นนั้น แก่นกายเล็กกระตุกอย่างทรมานว่าอยากจะปลดปล่อย แต่ถึงกระนั้นร่างสูงก็ยังคงส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มหวาน สื่อได้ว่ายังคงยืนยันที่จะไม่ปล่อยให้ร่างบางปลดปล่อยเหมือนเดิม
“นายจะชิงเสร็จก่อนไม่ได้นะเท็ตสึ หึๆ”
อาโอมิเนะหัวเราะเสียงต่ำลึกในลำคอ ทันใดนั้นเองอยู่ๆแวมไพร์หนุ่มก็ออกแรงผลักคนตัวเล็กให้ลงไปนั่งที่พื้นอย่างแรง แล้วจับศีรษะของร่างบางเข้ามาใกล้ส่วนกลางลำตัวอย่างรวดเร็วโดยที่อีกฝ่ายยังไม่ทันตั้งตัว
ริมฝีปากบางร้องออกมาน้อยๆด้วยความตกใจ ใบหน้าหวานอยู่ห่างจากซิปกางเกงของอาโอมิเนะเพียงไม่กี่คืบ แม้เขาจะพยายามดันหัวออกแต่ฝ่ามือหนากลับกุมเส้นผมสีฟ้าครามแน่นจนเจ้าตัวแทบขยับไม่ได้ ริมฝีปากบางเม้มแน่น พลางช้อนตาขึ้นมองคนร่างสูงอย่างอ้อนวอน
“อะไรเท็ตสึ ฉันรู้นะว่านายไม่ใช่คนโง่ ฉันต้องการอะไรนายน่าจะรู้...”
ใบหน้าหวานอันเปียกชื้นหยดน้ำตาส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่เอา...ฮึก...ผมไม่ทำ”
“...งั้นหรอ” แก้วน้ำสีน้ำเงินประกายแสงความไม่พอใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาขะหยิบมีดสั้นที่อยู่บนโต๊ะปาเฉียดไหล่โองิวาระไป
ชายหนุ่มร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด เลือดสีแดงสดไหลออกมา คุโรโกะเบิกตาเบิกกว้างด้วยความตื่นตะลึง ทันใดนั้นเองอาโอมิเนะก็ยื่นมือไปหยิบมีดสั้นอีกเล่ม คราวนี้คนตัวเล็กจึงรีบตอบรับความต้องการของคนร่างสูงทันที
“ทำแล้วครับ! ผมทำแล้ว ได้โปรดหยุดเถอะครับ...” ร่างเล็กร้องบอกอาโอมิเนะอย่างสะอึกสะอื้น ฝ่ามือหนาที่กำลังจะปามีดพลันหยุดลงในทันใด แววตาคมเหลือบกลับมามองเด็กน้อยด้วยรอยยื้ม
“งั้นก็...” เขาเว้นประโยคอย่างยียวน “เลียมันซะ เท็ตสึ...”
“ฮึก...”
คนร่างเล็กเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น มือเล็กอันสั่นเทายื่นไปตรงซิปกางเกง ก่อนจะออกแรงรูดมันลงจนท่อนเนื้อขนาดใหญ่ขึ้นมาปรากฏก็แก่สายตาของคนตัวเล็ก
...ขนาดของมันนั้นไม่เล็กเลย ท่อนเนื้อของอาโอมิเนะอยู่ในสภาพที่พร้อมเต็มที่เสียจนร่างบางเริ่มรู้สึกกลัว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ต้องทำ เพื่อไม่ให้โองิวาระถูกทำร้ายไปมากกว่านี้...
ใบหน้าหวานค่อยๆ ก้มลงไปที่แก่นกายขนาดใหญ่ที่กำลังชูชันแข็งขืน พลางเอาเส้นผมทัดใบหูเล็กน้อย ก่อนจะจับแท่งเนื้อร้อนที่ชูชันขึ้นมา ดวงตางดงามจ้องมองมันอย่างกล้าๆกลัวๆ ในฐานะผู้ชายเขารู้ดีว่าเขาควรจะทำยังไง แต่เขาไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต แล้วเขาจะทำให้อาโอมิเนะพอใจได้โดยไม่ตบหน้าเขาจริงหรอ...
“ไม่มีอะไรยากเท็ตสึ นายเพียงแค่เอามันเข้าปาก แล้วก็ค่อยๆเลียเท่านั้นเอง” อาโอมิเนะเอ่ยอย่างรู้ใจ พลางลูบเรือนผมสีฟ้าครามราวกับปลอบประโลม
คุโรโกะช้อนตามองอย่างลังเลใจ ทว่าความกลัวและความกดดันมีมากกว่า คนตัวเล็กค่อยๆเอาท่อนเนื้อหนาเข้ามาจ่อริมปาก ก่อนจะใช้ลิ้นเล็กของตนโลมเลียปลายแท่งร้อนอย่างช้าๆ โพรงปากเล็กดูดกลืนท่อนเนื้อร้อนเข้าไปด้วยความเก้ๆกังๆ เมื่อหมาป่าผู่หิวโหยได้สัมผัสกับอุณหภูมิอุ่นร้อนภายในโพรงปาก มันก็เริ่มใหญ่โตและพองขึ้นเรื่อยจนคนตัวเล็กที่ยังมือใหม่รู้สึกลำบากไม่น้อย
“อา...” อาโอมิเนะครางอย่างสุขสมในลำคอ ฝ่ามือหนาลูบเรือนผมสีฟ้าครามอย่างอ่อนโยง แม้ว่าสัมผัสอาจจะดูติดๆขัดๆไปบ้าง แต่ก็เก่งกว่าพวกมือใหม่หลายเท่านักถึงทำให้เขารู้สึกดีขนาดนี้ นัยน์ตาคมเหลือบมองคุโรโกะอย่างผาสุขที่ได้เห็นคนตัวเล็กพยายามดูดกลืนแก่นกายของเขาด้วยความประหม่าระคนตั้งใจ ถ้าให้เดาที่ตั้งใจนี่ก็คงจะกลัวโดนตบถ้าหากทำไม่ดีล่ะสิ...
“อึก!”
อาโอมิเนะเผลอร้องด้วยความสะดุ้งน้อยๆครั้นคนตัวเล็กใช้ฟันครูดตลอดความยาวของแก่นกายหนา ซึ่งมันทำให้ร่างสูงเผลอร้องซี๊ดออกมา คุโรโกะผงะไปด้วยความตกใจระคนกลัวที่เผลอใช้ฟัน ทว่าอาโอมิเนะกลับไม่ได้ต่อว่าอะไรเลยแม้แต่น้อย เขาหลับตาพริ้มอย่างสุขสม มือหนาลูบเรือนผมฟ้าครามสื่อว่าไม่ต้องหยุดให้ทำต่อไป คุโรโกะจึงปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย
...สำหรับอาโอมิเนะแล้วมันก็เจ็บอยู่นิดหน่อย แต่ว่าในความเจ็บมันกลับมีความสุขและความเสียวซ่านอยู่...
มือบอบบางลูบคลำแท่งร้อนขึ้น ๆ ลง ๆ และใช้ปากกับลิ้นทำหน้าที่อย่างไม่เป็นธรรมชาติ การกระทำของคุโรโกะปลุกสัญชาตญาณของชายหนุ่มให้ตื่นขึ้นได้อย่างเต็มที่ คนร่างสูงค่อย ๆ ยันกายยืนขึ้นโดยที่ริมฝีปากบางของเด็กน้อยยังคงดูดกลืนท่อนเนื้อของร่างสูงคาไว้อยู่ ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจในการกระทำ โองิวาระเองก็ดวงตาเบิกว่งด้วยความตื่นตะลึงเช่นกัน ริมฝีปากหยักอันซีดเผือดตะโกนออกไปว่าอย่านะโว้ย! แต่แวมไพร์หนุ่มไม่สนใจ สองมือหนาของชายหนุ่มประคองศีรษะของร่างบางเอาไว้แล้วขยับสะโพกเข้าหาโพรงปากเล็กอย่างรวดเร็วโดยลืมไปเสียสนิทว่าแก่นกายของตนอาจทำให้อีกฝ่าย รู้สึกเจ็บได้ แต่เขาไม่สนอะไรอีกแล้ว ร่างสูงสาวสะโพกเข้าหาโพรงปากเล็กอย่างกระหายจนแก่นกายเข้าไปในโพรงปากลึกมากกว่าเดิม ร่างบางส่งเสียงอู้อี้ในลำคอเล็กน้อยด้วยความอึดอัด ร่างสูงขยับแรงขึ้นพร้อม ๆ กับลมหายใจหอบถี่เนื่องจากอารมณ์ความใคร่ใกล้ถึงจุดสิ้นสุด
“อา...สุดยอดเลยเท็ตสึ ไม่อยากเชื่อว่านายจะเก่งขนาดนี้ ปากของนายมันสุดยอดชะมัด...อา ฉันกำลังจะ...อึก!”
“อื้อ! อื้ม!”
“อา...” ชายหนุ่มครางเบาๆ ในขณะที่ท่อนเนื้อร้อนกำลังกระตุกปลดปล่อยน้ำขุ่นสีขาวข้นเต็มโพรงปากร่างเล็ก คุโรโกะดวงตาเบิกโพรง พลางพยายามจะถอยศีรษะหนีด้วยความตกใจ เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยถูกทำอะไรแบบนี้ใส่มาก่อน น้ำเหนียวรสชาติหวานๆกำลังทะลักเข้ามาในปาก ซึมซับไปบนปลายลิ้น และดูท่าว่าปริมาณของมันจะยังคงไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ
เป็นเวลาอยู่ครู่หนึ่งที่อาโอมืเนะค้างอยู่ท่านั้น ก่อนจะค่อย ๆ ถอนกายออกอย่างเชื่องช้า
“อึ่ก อืม...”น้ำขาวขุ่นไหลเยิ้มออกมาจากปากสีชมพูสวย ก่อนที่ร่างบางจะกลืนส่วนที่ยังค้างอยู่ในโพรงปากลงคอจนหมดเพราะอาโอมิเนะชี้นิ้วที่คอเป็นคำสั่งทางอ้อม ร่างบางจึงต้องยอมทำตามอย่างเสียไม่ได้ อาโอมิเนะพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม พลางใช้ปลายนิ้วเรียวกวาดต้อนน้ำราคะที่เลอะริมฝีปากบางยัดเข้าไปในโพรงปากของคนตัวเล็ก เพื่อให้อีกฝ่ายดูดเม้มน้ำขาวข้นให้หมด ซึ่งคุโรโกะก็ทำตัวน่าพึงพอใจมาก ลิ้นเล็กสีชมพูนุ่มอันไม่ประสีประสาดูดเม้มปลายนิ้ว พลางเลียทำความสะอาดหมดจดจนไม่มีคราบอะไรเหลือ
อาโอมิเนะปรายตามองมายังโองิวาระ โชคร้ายยังคงไม่หมดไปสำหรับคนทั้งคู่ เขากระตุกยิ้มร้ายบนมุมปาก ก่อนจะจับคุโรโกะหันไปหาโองิวาระ ฝ่ามือหนาจิกเรือนผมสีฟ้าครามขึ้นเบาๆ พลางใช้มืออีกข้างประคองคางของคุโรโกะ ออกแรงบีบเบาๆเปิดริมฝีปากบางออก ส่งผลให้ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเห็นน้ำสีขาวขุ่นที่เลอะอยาบนลิ้นของคุโรโกะชัดเจน
“เป็นไงบ้างโองิวาระ สุดยอดไปเลยใช่ไหม..?”
“อึก...” เด็กหนุ่มกัดฟันแน่นด้วยความแค้นใจ แต่ยิ่งแบบนั้นก็ยิ่งเข้าทางแวมไพร์หนุ่ม
“ดูสิ เท็ตสึน่ารักมากเลย นายเองก็อยากโดนแบบเดียวกันใช่ไหมล่ะ?”
“มะ...ไม่ใช่! ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นกับคุโรโกะ!”
“โกหก!”
“!”
“นายอย่ามาแกล้งตีหน้าซื่อไปหน่อยเลย นายคิดว่าจุดสูงสุดของความรักและการแอบชอบใครสักคนจะเป็นเรื่องอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่เรื่องร่างกาย!”
“ม...ไม่จริง...”
“ยอมรับมาเถอะว่าสุดท้ายแล้วการแอบชอบใครสักคน มันก็หมายถึงว่านายอยากจะมีอะไรกับคนๆนั้นนั่นล่ะ!”
“ไม่! ฉันไม่เคยคิดแบบนั้น!”
“อย่าโลกสวยน่ะ...ถ้านายกับเท็ตสึเป็นแฟนกันจริงๆขึ้นมา นายยังจะปฏิเสธได้อีกหรอว่าไม่อยากทำ...”
“นะ...นั่นมัน...”
“พูดกันมามากพอแล้ว ไปแสดงให้มันดูสิ เท็ตสึ”
“อ๊ะ!”
คนตัวเล็กร้องลั่นเมื่ออยู่ๆอาโอมิเนะก็ผลักเขาให้ล้มลงไปกลางส่วนแก่นกลางลำตัวของโองิวาระ และกว่าเขาจะทันได้เอ่ยทักท้วงหรือต่อต้านอะไร คำสั่งของชายหนุ่มก็ต้องทำให้คุโรโกะรู้สึกจุกในลำคอจนพูดไม่ออก
“เลียของหมอนี่ซะ”
“เอ๊ะ?! อาโอมิเนะคุง แต่ว่า...”
“อย่าแม้แต่คิดจะปฏิเสธ!”
“!”
แล้วอาโอมิเนะก็ดึงให้โองิวาระเงยหน้าขึ้นมองเพดานอย่างแรง จัดการล็อกคออีกฝ่ายแน่นก่อนจะยื่นมีดไปจ่อตรงคอหอย เป็นการขู่กลายๆว่าถ้าคุโรโกะปฏิเสธ...อะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้
คุโรโกะส่ายหน้าทั้งน้ำตา เมื่อไรเรื่องพวกนี้จะจบลงสักที...เขาเริ่มรับมันไม่ไหวแล้ว..
“ทุกอย่างอยู่ที่นายแล้วเท็ตสึ” เขาเอ่ยเสียงเหี้ยมด้วยใบหน้าเย็นชา “ฉันเป็นแวมไพร์ ส่วนไอ้หมอนี่เป็นมนุษย์”
“ฮึก...”
“ถ้าไม่อยากให้เพื่อนรักของนายต้องมีจุดจบที่น่าสงสาร ก็รูปซิปกางเกงลงและอมของหมอนี่เข้าไปในปากซะ...”
คุโรโกะส่ายหน้าไปมาอย่างน่าสงสาร แต่ทว่าไม่ว่าตอนนี้หรือก่อนหน้านี้...ตัวเขาก็ไม่เคยมีทางเลือกอะไรอยู่แล้ว
เขาไม่เคยต้องการทำอะไรแบบนี้...โองิวาระจะมองเขายังไง...ทั้งที่เขาเห็นอีกฝ่ายเป็นเพื่อนแต่กลับต้องมาทำเรื่องแบบนี้ อีกฝ่ายคงตะเห็นเขาเป็นคนสกปรกโสโครกไปหมดแล้ว...
เขาไม่เคยรู้สึกเสียใจขนาดไหนเท่านี้มาก่อนเลย...
คนตัวเล็กช้อนตาขึ้นมองโองิวาระอย่างสำนึกผิด ก่อนที่ริมฝีปากบางจะเอื้อนเอ่ยคำพูดขอโทษจากใจด้วยน้ำเสียงสะอื้นไห้...
“ขอโทษนะครับโองิวาระคุง แต่ผม...”
คุโรโกะสะอึกสะอื้น “ผมจำเป็นต้องทำครับ”

...นายจะทำจริงๆหรอเท็ตสึยะ
นายจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ...โองิวาระเป็นเพื่อนของนายไม่ใช่หรอ
ร่างบางรำพึงรำพันในใจด้วยความทรมาน ถกเถียงกับตัวเองอย่างทรมาน  เสียงสะอื้นไห้ยังคงดังต่อไปท่ามกลางความเงียบงัน  มือบอบบางทั้งสองข้างยื่นไปที่ซิบกางเกง พลางออกแรงปลดกระดุมและรูดมันลงด้วยมือที่ยังสั่นเทา คนตัวเล็กไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองแก่นกายหนาของโองิวาระ สองมือบางจับมันอยู่ท่านั้น...ไม่อยากจะเอามันเข้าปากแล้วทำแบบเดียวกันกับที่เขาทำกับอาโอมิเนะ  ไม่ใช่ว่าเขารังเกียจหรืออะไร...
เขาเพียงแค่...ไม่อยากทำแบบนี้กับเพื่อนสนิท
 “ชิ...” อาโอมิเนะมองคนร่างบางด้วยแววตาขัดใจในความช้า หงุดหงิดไม่น้อยที่คุโรโกะยังคงลังเล เขาจึงออกแรงกดมีดลงบนลำคอของตัวประกันจำเป็นน้อยๆ แผลบางๆจากรอยมีดกรีดก่อให้เกิดเลือดสีสดค่อยๆซึมออกมา
“อ๊าก!” เสียงร้องอันเต็มไปด้วยความเจ็บปวดสะกดให้คุโรโกะรีบเงยหน้าขึ้นมอง แล้วดวงกลมโตก็ต้องเบิกโพรงด้วยความตกใจเมื่อเขาเห็นเลือดซึมออกมาจากลำคอของเพื่อนสนิท และอาโอมิเนะไม่หยุดเพียงเท่านี้ ดวงตาคมกริบสีน้ำเงินเข้มเหลือมองคนร่างบางอย่างท้าทาย  ก่อนจะค่อยๆออกแรงกดมีดลงไปทีล่ะเล็กล่ะน้อยอย่างอ้อยอิง...
“หยุดนะ!” เขาร้องตะโกนออกไปสุดเสียง  อาวุธสังหารที่กำลังจะปลิดชีพของเด็กหนุ่มพลันหยุดลงในทันที ปลายมีดแหลมคมห่างจากเส้นเลือดแดงเพียงแค่คืบ  คุโรโกะรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ความกลัวเริ่มก่อเกิดขึ้นมาในใจ เริ่มจินตนาการว่าถ้าห้ามช้ากว่านี้อะไรจะเกิดขึ้น ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ล้อเล่นเลย  เขาพูดจริงทำจริง...
“ขอร้องล่ะครับ...” ใบหน้าหวานอันเปียกชื้นส่านหน้าไปมาทั้งน้ำตา “อย่าทำอะไรเขาเลย  ผมยอมทุกอย่างแล้ว...ได้โปรดเถอะครับ”
“งั้นก็รีบทำซะ” วาจาอันเผด็จการมาพร้อมกับปลายมีดคมที่จ่อคอหอย  ราวกับคอของโองิวาระคือหลักประกันเพียงอันเดียวที่เป็นเหตุผลให้คนตัวเล็กยอมทำตามคำสั่ง คุโรโกะเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ  ทั้งที่ตนไร้บาดแผลแต่ความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานกลับทำให้หัวใจปวดร้าวประหนึ่งถูกมีดกรีดอย่างไร้ปราณี
คนร่างบางค่อยๆเอาท่อนเนื้อหนาใส่เข้ามาในโพรงปากของตนอย่างเชื่องช้า สัมผัสของแก่นกายหนาแตะลงบนลิ้นนุ่ม คนตัวเล็กนิ่งค้างอยู่ครู่หนึ่งเพื่อทำใจ ก่อนจะค่อยเริ่มโลมเลียแท่งเนื้ออุ่นอย่างเร่งรีบด้วยปลายลิ้น  ส่วนปลายถูกดูดเม้มเล็กน้อยเบาๆ และแรงขึ้นตามลำดับ  แล้วศีรษะเล็กก็เริ่มเคลื่อนเข้าเคลื่อนออกไปมาอย่างช้าๆ ริมฝีปากบางครอบส่วนนั้นไว้ รูดมันขึ้นสุดลงสุด หยุดอยู่ที่ส่วนปลายเพื่อออกแรงดูดเบาๆ ก่อนจะค่อยทำหน้าที่ต่อ คนตัวเล็กดูดขึ้นดูดลงพลางใช้ลิ้นอย่างไม่ค่อยชำนาญนักเพราะยังมือใหม่ในเรื่องพวกนี้ แต่ก็ทำได้ดีกว่าเมื่อครู่มากเพราะคนร่างเล็กจินตนาการว่ามันเพียงแค่ไอติมเท่านั้น
“อึก...” เด็กหนุ่มเม้มปากเพื่อกลั้นไม่ให้ตนเผลอครางออกมาด้วยความรู้สึกดี ยังไงเสียเขาก็เป็นผู้ชาย...แอบสงสัยในใจว่าทำไมคุโรโกะถึงเก่งผิดปกติ... โองิวาระรู้สึกได้ผ่านทางแก่นกายว่ามันกำลังสัมผัสกับอุณหภูมิอุ่นร้อนอันเปียกชื้น และน้ำเหนียวบางอย่างในโพรงปากของคุโรโกะ  เขาขมวดคิ้วยุ่งจนเป็นโบว์ พยายามท่องในใจว่าจะเผลอไปรู้สึกดีด้วยไม่ได้ ทั้งที่ความจริงเขาควรจะคิดตรงข้ามถ้าอยากมีชีวิตรอด เพราะถ้าเขาไม่เสร็จ...และคุโรโกะทำให้เขาเสร็จไม่ได้ เขาก็จะต้องถูกอาโอมิเนะเชือดคอทิ้งในทันที
แต่ทั้งที่รู้อย่างนั้น...
***“***นายอย่ามาแกล้งตีหน้าซื่อไปหน่อยเลย นายคิดว่าจุดสูงสุดของความรักและการแอบชอบใครสักคนจะเป็นเรื่องอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่เรื่องร่างกาย!”
***“***ม...ไม่จริง...”
***“***ยอมรับมาเถอะว่าสุดท้ายแล้วการแอบชอบใครสักคน มันก็หมายถึงว่านายอยากจะมีอะไรกับคนๆนั้นนั่นล่ะ!”
***“***ไม่! ฉันไม่เคยคิดแบบนั้น!”
***“อย่าโลกสวยน่ะ!***ถ้านายกับเท็ตสึเป็นแฟนกันจริงๆขึ้นมา นายยังจะปฏิเสธได้อีกหรอว่าไม่อยากทำ...”
เขาเพียงแค่ต้องการปฏิเสธในสิ่งที่อาโอมิเนะพูด...ปฏิเสธว่าเขาไม่ได้ต้องการร่างกายของคุโรโกะ...
แต่ทว่าทำไมกัน...ทั้งที่คิดแบบนั้น ทั้งที่พยายามปฏิเสธขนาดนั้น... แต่ไอ้ส่วนอ่อนไหวไม่รักดีกลับแข็งขึ้นทุกครั้งที่ถูกลิ้นนุ่มตวัดเลีย..
คุโรโกะตั้งอกตั้งใจดูดเม้นแก่นกายหนาอย่างเต็มที่เพื่อที่จะทำให้โองิวาระเสร็จเร็วๆ เสียงน้ำลายเฉอะแฉะอันน่าอายและเสียงดูดเม้มที่ดังคลอเบาๆทำให้คนร่างเล็กขยะแขยงตัวเองไม่น้อย ถึงกระนั้นเขาก็ยังตั้งใจทำต่อไป  เรื่องมันจะได้จบโดยไม่ต้องมีใครต้องเจ็บ  แต่ทว่าทั้งที่เขาพยายามใช้ทุกเทคนิคที่มีแล้วแท้ๆ...แต่ท่อนเนื้ออุ่นมันกลับไม่มีวี่แววว่าจะอ่อนแอลงเลย  หากเทียบกับอาโอมิเนะแล้วแม้ขนาดมันอาจดูด้อยกว่า แต่เรื่องที่มันเป็นอวัยวะเพศชายก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง...คนตัวเล็กไม่เคยสนใจเรื่องปัญหาเล็กๆพรรค์นั้น  เพราะเขาไม่เคยปรารถนาที่จะมาทำเรื่องแบบนี้กับคนที่เขาไม่เคยรัก ฉะนั้นไม่ว่าจะเรื่องอะไรมันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว...
นี่เขาทำไปแล้วสินะ...ทำเรื่องน่ารังเกียจเกินกว่าจะอภัยให้ได้ลงไปแล้ว...
เปลือกตาบางปิดสนิท พยายามไม่มอง พยามไม่ฟัง ปฏิเสธที่จะรับรู้เหตุการณ์ตรงหน้าใดๆทั้งสิ้น เขาเพียงแค่ใช้ใจและสัมผัสของลิ้น แค่ทำๆไปให้มันจบเรื่องก็เพียงพอ  แค่นี้เขาก็เจ็บปวดมากพออยู่แล้ว...เขาไม่อยากให้ช่วงเวลานี้มันดำเนินยาวนานไปกว่านั้น  ไม่เอาอีกแล้ว...
“อึก...อืม..” ครั้นเห็นว่าโองิวาระไม่เสร็จสักที คุโรโกะจึงเร่งจังหวะตัวเองขึ้น เขาพยายามทำให้เร็วขึ้นๆ สองมือบางยกขึ้นมาลูบซ้ำๆตรงส่วนที่ตัวเองเลียไม่ถึง ดวงตากลมช้อนขึ้นมองอีกฝ่าย แล้วเขาก็เห็นว่าโองิวาระมีสีหน้าที่ทรมานปนรู้สึกดีเพราะกำลังอดกลั้นอารมณ์ตัวเองไว้ คนตัวเล็กได้เห็นเช่นนั้นจึงตั้งหน้าตั้งตาทำต่อไป...
ขอร้องล่ะ...รีบๆเสร็จสักที
“ชิ...”
ดูท่าว่าทั้งคู่จะช้าเกินไปเสียจนทำให้ต่อมความหงุดหงิดของอาโอมิเนะทำงาน แวมไพร์หนุ่มเดาะลิ้นข้างกระพุงแก้มอย่างไม่สบอารมณ์ เขาผละออกมาจากโองิวาระแล้วเดินอ้อมมาหาคุโรโกะ คนตัวเล็กดวงตาเบิกกกว้าง รู้สึกสังหรณ์ไม่ดีเอาเสียเลย  และทันใดนั้นเองอยู่ๆฝ่ามือหนาก็จิกเรือนผมสีฟ้าครามขึ้นอย่างแรง ส่งผลให้การกระทำของคุโรโกะหยุดชะงัก
“โอ๊ย!” ริมฝีปากบางเปล่งเสียงร้องออกมาด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว มือเล็กทั้งสองข้างยื่นไปจับที่ฝ่ามือหนาของชายหนุ่มด้วยสีหน้าเจ็บปวดเป็นเชิงบอกให้อีกฝ่ายปล่อยตน แต่ทว่าอาโอมิเนะกลับไม่ปล่อย...กลับกัน  ริมฝีปากหยักกลับเหยียดยิ้มออกมาอย่างน่าพรั่นพรึง
“นายทำช้าไปแล้วเท็ตสึ”
“ตะ...แต่ว่าผมก็พยายามแล้ว...” คนตัวเล็กร้องบอกอย่างหวาดกลัว อาโอมิเนะส่ายหน้า ปฏิเสธในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
“นายไม่ได้พยายามเลย  นายก็เห็นนี่ว่าไอ้หมอนี่มันไม่เสร็จ แล้วยังมีหน้ามาพูดอีกหรอว่าตัวเองทำดีแล้ว” นัยน์คมดุตวัดมองโองิวาระด้วยหางตา ฝ่ายถูกมองรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าเข้าฉาดใหญ่ เริ่มสำนึกแล้วว่าตัวเองอาจเป็นสาเหตุให้คุโรโกะถูกทำร้าย
“กะ...ก็ผม...” คุโรโกะไม่รู้ว่าควรจะเถียงอะไรกลับไป รู้สึกเจ็บหนังศีรษะเสียจนน้ำตาคลอเบ้า ริมฝีปากบางเม้มแน่นอย่างอับจนหนทาง ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูเหมือนจะไม่พอใจอาโอมิเนะไปเสียหมด เขาไม่ใช่อีตัวนะ...แล้วเขาจะไปทำเรื่องแบบนั้นออกมาดีได้ยังไงกัน
ทันใดนั้นเองแวมไพร์หนุ่มก็ยื่นมือมาบีบกรามของคุโรโกะ พยายามออกแรงบีบบังคับจนร่างบางต้องเปิดปากออกด้วยความเจ็บ คนตัวเล็กส่งเสียงร้องอึกอักในลำคอ แม้ไม่ต้องถามแต่อาโอมิเนะก็รู้ดีว่าคนตัวเล็กคงกำลังคิดว่าเขาจะทำอะไร 
ไม่ต้องห่วงเท็ตสึ  เดี๋ยวนายได้รู้แน่...
ทันใดนั้นเองอาโอมิเนะก็จับศีรษะเล็กแน่น แล้วจับแบบบังคับให้คุโรโกะอมแก่นกายหนาของโองิวาระไว้ และเพราะชายหนุ่มบีบกรามเปิดปากคุโรโกะ ร่างบางจึงไม่สามารถต่อต้านอะไรได้ แต่แล้วอาโอมิเนะกลับไม่หยุดเพียงแค่นั้น เขาปล่อยมืออกจากริมฝีปากบาง ก่อนที่มืออีกข้างจะจับศีรษะเล็กเข้าๆออกๆกับแก่นกายหนาอย่างแรง!
“อึก! อึก!! อื้ม!!!” คนตัวเล็กร้องเสียงอึกอักในลำคอด้วยความทรมาน อาโอมิเนะขยับหัวของเขาเข้าออกกับแก่นกายของโองิวาระอย่างรวดเร็วและรุนแรง โดยที่ไม่ได้สนใจสักนิดว่าคุโรโกะจะรู้สึกเจ็บหรือเปล่า  ร่างบางยังคงร้องเสียงอึกๆไม่หยุดหย่อนด้วยความทรมาน รู้สึกว่าส่วนปลายเข้ามาลึกจนแทบเข้ามาถึงในลำคอเสียจนเกือบสำลัก เขาพยายามยื่นมือผลักออกแต่ทว่ามันกลับไม่ส่งอะไรเลย
“เอ้า เร็วหน่อยสิ ไม่งั้นหมอนี่ไม่เสร็จนะ ฮ่าๆๆ” แวมไพร์หนุ่มหัวเราะออกมาอย่างสาแก่ใจ  สองมือหนายังคงจับหัวของคุโรโกะเข้าๆออกๆ ด้วยจังหวะเหมือนเดิม ทั้งแรงขึ้นและเร็วขึ้น โดยไม่มีทีท่าว่าจะผ่อนแรงลง
“อึก! อึก! อัก!” เสียงร้องของคุโรโกะช่างฟังดูทรมานเสียจนโองิวาระทนฟังไม่ได้ ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนนิ่งเป็นน้ำแข็ง  ริมฝีปากหยักของเด็กหนุ่มสั่นระริกพูดไม่ออก  เสียงอึกอักในลำคอทำให้คนตัวเล็กรู้สึกทรมานเหมือนคอจะหลุดเป็นชิ้นๆ ดวงตากลมที่คลอน้ำตาเหลือกขึ้นเหลือกลงอย่างทรมาน จังหวะอันรวดเร็วในแต่ล่ะครั้งทำให้แก่นกายเข้ามาลึกมาก และความรุนแรงในแต่ล่ะครั้งทำให้มันกระแทกลิ้นไก่เขาอย่างแรงเฉกเช่นเดียวกัน
ความทรมานดำเนินอยู่หลายนาที คนตัวเล็กร้องไห้ออกมาโดยไม่มีเสียง เพราะริมฝีปากกำลังถูกกระแทกอย่างหนักพร้อมเสียงอึกอัดด้วยความจุกในลำคอ เขาร่ำร้องในใจอย่างทรมาน ความเจ็บปวดอันไม่มากถึงชีวิตแต่ก็ช่างทรมานทำให้เขาเริ่มคิดว่าตายๆไปซะอาจจะดีซะกว่า
“อั่ก! อั่ก!! อ่อก!!!” แก่นกายหนายังคงกระแทกเข้าปากคุโรโกะอย่างไม่หยุดหย่อน ดวงตากลมที่เกลือกกลิ้งไปมาทำให้โองิวาระรู้สึกกลัวว่าคุโรโกะจะขาดใจตาย ซึ่งอาจจะเป็นแบบนั้นแน่ถ้าหากอาโอมิเนะยังไม่หยุด
ยังไงเสียผู้ชายก็มีขีดจำกัด...โองิวาระครางเสียงต่ำลึกในลำคอด้วยความรู้สึกดีที่พยายามอดกลั้นไว้มานานแต่แล้วมันก็มาถึงฝั่งฝัน เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนที่ท่อนเนื้อหนาจะกระตุกอย่างแรงและปล่อยน้ำสีขาวขุ่นข้นออกมาโดยที่ตัวเขาไม่อยากปล่อยนัก  ทว่ามันกลับส่งผลในทางเลวร้ายแทนที่จะกลายเป็นดี...เพราะแทนที่มันจะช่วยทำให้แวมไพร์หนุ่มสมใจแล้วหยุดมือ  อาโอมิเนะกลับคลี่ยิ้มเมื่อเห็นโองิวาระปลดปล่อยแล้วจัดการดันหัวคุโรโกะเข้ากระแทกอย่างแรงจนโพรงปากของคนร่างเล็กอมไว้จนสุดโคน ส่งผลให้น้ำสีขาวขุ่นที่ปล่อยออกมาเต็มลำคอไปหมด  อีกฝ่ายร้องอึกอักอีกครั้งด้วยความทรมานพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา  ทั้งปริมาณและรสชาติของมันทำให้เขาทั้งรู้สึกพะอืดพะอมจนอยากจะอาเจียน
ในที่สุดอาโอมิเนะก็ปล่อยคุโรโกะให้เป็นอิสระ ร่างบางผละออกมาจากแก่นกายหนาอย่างเร่งรีบทันที ก่อนจะสำลักเอาน้ำขาวขุ่นปริมาณมากออกจากปากก่อให้เกิดหยดน้ำสีขาวเลอะอยู่บนพื้นพรม ความเจ็บภายในคอยังคงอยู่ในความรู้สึก เขาโก่งตัวกับพื้น พลางไอแค่กๆ อย่างทรมานประหนึ่งคนขาดอากาศมานาน แต่พูดแบบนั้นก็ไม่ผิดซะทีเดียว...
“ฮึก...”  คุโรโกะเริ่มสะอึกสะอื้นขึ้นอีกครั้ง แต่เขาก็อดทนอดกลั้นเก็บมันเอาไว้  เขาไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงในสถานการณ์แบบนี้ ไม่รู้ว่าจะร้องไห้ เสียใจ หรือกรีดร้อง...แต่เขารับมันไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว  เมื่อไรมันถึงจะจบลงสักที...
...ใครก็ได้ช่วยเขาที...
“ไม่เลวนี่เท็ตสึ” อาโอมิเนะเอ่ยอย่างไม่รู้สึกรู้สาด้วยรอยยิ้ม เขานั่งลงบนเตียงแล้วดึงแขนคุโรโกะขึ้นมานั่งบนตัก ฝ่ามือหยาบกร้านสัมผัสที่แก้มขาวซีด ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยผิวหน้านวลอย่างรักใคร่ ก่อนจะลากผ่านลงมายังริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อ ดวงตาคมกริบสีน้ำเงินเข้มจ้องมองของเหลวเหนียวหนืดสีขาวบนมุมปากของคนร่างบางด้วยความพึงพอใจ
ของโสมมอันเปรอะเปื้อนอยู่บนใบหน้าหวานนั้นช่างงดงาม เขาออกแรงเปิดปากคุโรโกะน้อยๆ อีกฝ่ายก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย ลิ้นหนาสีชมพูอ่อนเต็มไปด้วยน้ำสีขาวขุ่นจำนวนมากที่เลอะอยู่ภายใน
“สกปรกจังเลยนะ...” ริมฝีปากหยักเหยียดยิ้ม “แต่ไม่เป็นไร...สำหรับฉันนายน่ารักเสมอ”
“...”
คนตัวเล็กไม่โต้ตอบอะไร... รู้สึกหัวใจมันถูกบีบคั้นจนทรมานทุกวินาที...  ดวงตากลมโตอันเคยสดใสค่อยๆ ไร้ชีวิตชีวาที่ล่ะเล็กล่ะน้อย... ปล่อยให้อาโอมิเนะพรมจูบตามเรือนร่างของตนเองตามที่ใจต้องการ  ...เขาไม่อยากสู้แล้ว  ไม่อยากต่อต้านอะไรแล้ว... ที่ผ่านมาเขาพยายามอ้อนวอนขอร้องอาโอมิเนะอย่างสุดชีวิต แต่ว่าการกระทำเหล่านั้นมันช่างไร้ค่า พระเจ้าไม่เคยเข้าข้างเขาไม่ว่าจะเมื่อไร  ไม่มีทางที่เขาจะหนีพ้น ไม่มีทางที่จะมีคนมาช่วยเขาราวกับปาฏิหาริย์...  นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาไม่อยากสู้ต่อแล้ว...  
คุโรโกะหันเสี้ยวหน้ากลับไปมองโองิวาระน้อยๆ เขาไม่เคยโทษอีกฝ่ายหรอก...เพราะเขารู้ว่าโองิวาระไม่ผิด แต่ว่าเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้มันคงเกินเลยเกินกว่าที่เขาจะสามารถกลับไปมองหน้าเพื่อนสนิทตรงๆได้แล้ว...
ริมฝีปากบางค่อยๆ เปิดปากพูดแบบไร้เสียง แล้วดวงตาคมสีน้ำตาลเข้มก็ต้องเบิกกว้างเมื่อเขาได้อ่านปากในสิ่งที่คุโรโกะพยายามจะสื่อกับเขาด้วยรอยยิ้ม...
‘ขอโทษนะครับ...’
โองิวาระส่ายหน้าไปมาด้วยความเสียใจอย่างเจ็บปวด...เขาไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อยในสิ่งที่คุโรโกะพยายามจะบอก เขาได้แต่นั่งมองร่างบางหันหน้ากลับไปหาอาโอมิเนะอย่างช้าๆ  ทำได้แต่มองคนตัวเล็กถูกกดลงกับเตียงโดยที่ตัวเขาไม่สามารถทำอะไรได้...
...ทำไมล่ะ...
...ทำไมต้องขอโทษด้วย
คนตัวเล็กไม่ขัดขืนอะไรอีกแล้ว  ร่างผอมบางค่อยๆถูกชายหนุ่มกดลงกับเตียงอย่างเชื่องช้า  ใบหน้าหวานผินหน้าไปมองทางอื่น ความนุ่มสบายของเตียงไม่ได้ช่วยให้อารมณ์ที่หมองมัวบรรเทาลง  ดวงตาคมกริบสีน้ำเงินเข้มมองร่างบอบบางใต้ร่างด้วยความปรารถนา  เขาไล่สายตามองร่างกายของคุโรโกะทีล่ะส่วนอย่างหลงใหล ไล่สายตาจากดวงตากลมโตลงมายังจมูกโด่งเป็นสัน ก่อนจะมาหยุดสายตาอยู่ที่ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อ  ฝ่ามือหนาหยาบกร้านสัมผัสร่างกายผอมบางอันน่าเย้ายวน จากเนินอกสีชมพูอิ่มสวยค่อยๆ ลากฝ่ามือผ่านลงมายังหน้าท้องแบนราบ ผิวขาวเนียนละเอียดและเนียนนุ่มราวกับเด็ก   
ฝ่ามือหนาลูบที่เอวบอบบางไปมาอย่างเชื่องช้า ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่สะโพกลมมนและต้นขาเรียวบาง เขาออกแรงจับขาทั้งสองข้างอ้าออกน้อยๆ ปรากฏให้เห็นแก่นกายเล็กอันน่ารักน่าชังและช่องทางสีชมพูสวยปิดสนิท อันเป็นหลักฐานอย่างดีว่าไม่เคยมีใครได้บุกรุกเข้าไปภายใน
สายตาที่จ้องมองมาอย่างล่วงเกินทำให้คุโรโกะยกมือขึ้นมาปิดตาตัวเอง ร่างผอมบางสั่นไหวเบาๆตามแรงสะอึกสะอื้น อับอายที่ต้องมาโชว์ส่วนที่ไม่อยากให้ใครเห็นที่สุด...  เขาไม่ได้ต้องการแบบนี้เลย...  ไม่เอาแล้ว... ปฏิเสธทุกอย่าง... ไม่อยากจะรับรู้อะไรทั้งสิ้น...
หางตาเขาเห็นว่าโองิวาระกำลังมองอยู่ด้วยสายตาตกใจ ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มเป็นเส้นตรงก่อนจะเบือนหน้าหนีทำเป็นมองไม่เห็น จริงอยู่ว่าแม้คุโรโกะคิดยอมแพ้ที่จะต่อต้านหรือเรียกร้องหาความช่วยเหลือ  แต่ถึงกระนั้นความกลัวก็ยังคงมีอยู่เต็มหัวใจ และเขาไม่ได้เตรียมใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย 
...ร่างบางกำลังกลัว... กลัวความเจ็บที่กำลังจะเกิดขึ้น... กลัวการถูกกอดโดยคนที่เขาไม่รัก...
ปลายนิ้วเรียวลากผ่านจากหน้าท้องขาวเนียนลงมาที่ช่องทางสีชมพูสวย เขาออกแรงสะกิดเบาๆ อย่างหยอกเย้า ส่งผลให้คนร่างบางครางเสียงหวานในลำคอ พลางบิดเร้าร่างกายไปมาครั้นถูกกระตุ้นตรงจุดไวต่อสัมผัส ดวงตาคมสีน้ำเข้มเหลือบขึ้นมองคุโรโกะที่ยังคงยกมือปิดหน้าอยู่เหมือนเดิม ริมฝีปากหยักเหยียดยิ้มอย่างพอใจ ก่อนที่เขาจะค่อยๆก้มหน้าลงไปตรงส่วนนั้นของคุโรโกะ...
“อ๊า!” 
ร่างบางร้องเสียงลงครั้นสัมผัสหยาบเปียกชื้นของลิ้นแตะลงบนช่องทาง ขาเรียวบางพยายามจะหุบเข้าตามสัญชาตญาณ ทว่าอาโอมิเนะไม่ยอมให้ทำเช่นนั้น เขาดันขาของคนร่างบางออก เลื่อนขึ้นไปจับที่ข้อพับขาแล้วอออกรงกดเข้าจนหัวเข่าของคุโรโกะแทบชนกับหน้าอก 
ร่างบางเบี่ยงหน้าหนีด้วยความอับอาย ริมฝีปากบางครางเสียงหวานออกมาไม่หยุดหย่อน อาโอมิเนะได้เห็นเช่นนั้นก็ได้ใจ เขาไล้ลิ้นเปียกชื้นไปมาที่ช่องทางสีชมพูสวย ออกแรงตวัดเลียอย่างสนุกสนานจนมันเปียกชื้น  ปลายลิ้นกรีดแยกร้อนอย่างช้าๆ ตวัดแตะแล้วบดคลึง  จากนั้นเขาก็สอดลิ้นเข้าไปในฉับพลันแล้วขยับอย่างเนิบช้า ชิมคุโรโกะทั้งร่างสลับกับไล้เลียจนคนร่างบางหอบหายใจถี่กระชั้น
“อ๊า...อื้อ!” คุโรโกะอยากให้อาโอมิเนะหยุด เขาสอดนิ้วเข้าไปในเส้นผมสีน้ำเงินเข้ม เกาะกุมเขาด้วยความปรารถนาให้เขาหยุด
 นิ้วชี้เรียวค่อยๆ สอดเข้าไปภายในอย่างช้าๆ และทันทีที่มันได้บุกรุกเข้าไปข้างใน คนตัวเล็กก็กระตุกเกร็งอย่างแรงด้วยความเสียวซ่านทันที  รู้สึกหายใจได้ยังไม่ทั่วท้องชายหนุ่มก็ขยับเรียวนิ้วเข้าออกอย่างเอาแต่ใจ
“อ๊า!!! อะ...อาโอมิเนะคุง! อย่า...” คนตัวเล็กเว้าวอน พลางกัดริมฝีปากแน่น ร่างกายผอมบางขับไปตามการชักนำของแวมไพร์หนุ่ม ปลายเท้าจิกลงบนผ้าปูที่นอน  รู้สึกอายเสียจนอยากหนีบขาเข้าหากัน ทว่าฝ่ามือหนากลับตรึงต้นขาเขาไว้แน่น ดูดดื่มเขาอย่างสุขสมและสัมผัสส่วนเปราะบางอย่างแผ่วเบา
“ข้างในนี้ฟิตดีจังนะ ยังซิงอยู่จริงๆด้วย” แวมไพร์หนุ่มเหยียดยิ้ม เขาขยับนิ้วเข้าออกตรงช่องทางด้วยจังหวะเนิบๆ ข้างในมันทั้งแน่นและร้อน... มันตอดรัดกับนิ้วของเขาที่สอดเข้าไปอย่างเป็นจังหวะ สัมผัสได้ถึงผนังเนื้ออ่อนหยุ่นที่กำลังเต้นตุบๆ แค่นิ้วยังรู้สึกดีขนาดนี้ ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าสอดอีกอย่างเข้าไปมันจะรู้สึกดีขนาดไหน
“ฮึก...ไม่เอา...”
แม้จะตัดใจ... ยอมแพ้... ปฏิเสธความจริง... เตรียมใจมามากแค่ไหน...ยังไงเสียคุโรโกะก็ยังคงรู้สึกกลัว ร่างบางกระตุกเกร็งครั้นชายหนุ่มเพิ่มนิ้วกลางกับนิ้วนางเข้ามารวมกับนิ้วชี้ที่อยู่ภายใน  คนตัวเล็กเม้มริมฝีปากทั้งน้ำตาที่อาบแก้ม รู้สึกอึดอัดในท้องน้อยและหายใจได้ไม่ทั่วท้อง อาโอมิเนะเลียต้นขาขาวอย่างอ้อยอิง ก่อนจะออกแรงขยับเรียวนิ้วเร็วขึ้น
“อ๊า!!! มะ...ไม่! อึก...อื้อ!” มือบางจับแขนอาโอมิเนะไว้อย่างสั่นเทา อยากจะเอามือของคนตรงหน้าออกแทบขาดใจ แต่ยิ่งพยายามทำแบบนั้นอาโอมิเนะก็ยิ่งขยับนิ้วถี่รัวขึ้นเรื่อยๆ เขาขยับเข้าออกอยู่แบบนั้นจนช่องทางอุ่นนุ่มเริ่มคุ้นชินและขยายออกอย่างที่ใจของแวมไพร์หนุ่มต้องการ
ชายหนุ่มหลับตา พลางกัดฟันแน่นด้วยความรู้สึกดีแม้ว่าจะเป็นแค่ปลายนิ้วก็ตาม แต่ช่องทางที่เต้นตุบๆมันกลับทำให้ท่อนเนื้อของเขาแข็งขืนเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว เขาพรมจูบไปทั่วแผงอกขาวนวลเนียน เม้มยอดปทุมถันสีชมพูสวยแรงๆหนึ่งที ในขณะที่มืออีกข้างยังคงขยับถี่รัวจนได้ยินเสียงเฉอะแฉะของน้ำอะไรบางอย่างดังอย่างแผ่วๆ ดวงตาคมสีน้ำเงินเข้มเหลือบมองร่างบางอย่างหื่นกระหาย  คนตัวเล็กกำลังทำหน้าได้ยั่วยวนเขาเหลือเกิน แม้ใบหน้าหวานจะเปียกชื้นด้วยหยดน้ำตา แต่ริมฝีปากอันอวบอิ่มที่เผยอออกน้อยๆ กับแก้มสีเรื่อมันช่างลากมกและอีโรติกเหลือเกิน
ความอดทนของอาโอมิเนะพลันหมดลงในที่สุด เขาถอนนิ้วออกมาจากช่องทางอุ่นนุ่มอย่างเชื่องช้า ร่างบางกระตุกน้อยๆพร้อมกับเผลอครางเสียงหวานออกมาครั้นตนเป็นอิสระจากการถูกล่วงเกิน รู้สึกได้ถึงความโล่งกับช่องทางที่เปิดอ้าขยายขึ้นหลังจากที่อาโอมิเนะถอนนิ้วออก ดวงตาคมกริบสีน้ำเงินเข้มมองน้ำสีใสปริศนาบนเรียวนิ้วตัวเองด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะเอานิ้วไปป้ายที่ริมฝีปากบางอย่างไม่ใส่ใจ
“อย่างนั้นแหละเท็ตสึ กินมันเข้าไปซะ หึๆ”
“อึก...อื้อ!”
“ดีมาก”
เขาเอ่ยชมคนตัวเล็กด้วยรอยยิ้มร้ายกาจบนมุมปาก นัยน์ตาคมมองช่องทางอุ่นนุ่มสีชมพูอ่อนที่กำลังสั่นระริกและเปียกเยิ้มเต็มไปด้วยน้ำลายของเขา ยามมือเขายื่นมือไปแตะมัน มันก็จะกระตุกน้อยๆ ราวกับว่ากำลังร่ำร้องว่าต้องการให้เขาสอดใส่เข้าไป ซึ่งแน่นอนว่าอีกไม่นานหรอก...
อาโอมิเนะหยัดกายขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะถอดเข็มขัดออกจากเอวแกร่ง จัดการปลดกระดุมและรูดซิปลงทำให้ท่อนเนื้อหนาอันใหญ่โตขึ้นมาปรากฏแก่สายตาของคนร่างบาง คุโรโกะมองมันด้วยแววตาตื่นกลัว  ขนาดของมันใหญ่กว่าเมื่อครู่มากจนเทียบไม่ติด คนตัวเล็กเริ่มสั่นระริกไปทั้งกาย เริ่มหวาดกลัวว่าท่อนเนื้อที่ทั้งแข็งและใหญ่ขนาดนั้นจะสอดใส่เข้ามาผ่านช่องทางแคบๆ ของเขาได้อย่างไรโดยไม่ทำให้เขาเจ็บ...
อาโอมิเนะกรีดยิ้มร้าย ฝ่ามือหนารูดขึ้นรูดลงที่แก่นกายจนมันตั้งชันพร้อมจะทะลวงช่องทางอุ่นนุ่มเข้าไปภายใน นัยน์ตาคมกริบมองคนร่างบางอย่างหื่นกระหาย ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ยื่นมือไปจับขาเรียวบางอ้าออกมากขึ้น แล้วใช้มืออีกข้างจับท่อนเนื้อร้อนเข้าไปใกล้ๆ อย่างเชื่องช้าประหนึ่งจะทำให้คนตัวเล็กประสาทเสียเล่น  จากที่คุโรโกะเริ่มคิดยอมแพ้ ครั้นได้เห็นความใหญ่ยาวของท่อนเนื้อหนาแล้วมันก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจ
“ไม่! อย่า!! อย่าเอาเข้ามานะ!!!” สองมือบางเริ่มยกขึ้นมาพยายามจะสู้ ใบหน้าหวานร้องไห้หนักขึ้นด้วยความกลัว เขามองอาโอมิเนะอย่างอ้อนวอน แต่ทว่ามันก็สายไปเสียแล้ว
อาโอมิเนะมองโองิวาระอย่างท้าทาย “คอยดูให้ดีล่ะ...”
“!” เด็กหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายส่ายหน้าไปมา เป็นจังหวะเดียวกันกับที่อาโอมิเนะเอาแก่นกายหนาอุ่นร้อนถูไถบริเวณช่องทางอุ่นนุ่มสีชมพูอย่างเนิบช้า ส่วนร้อนจ่อตรงปากทางคับแคบชั่ววินาที ก่อนจะค่อยเอามันไปถูไถกับช่องทางอุ่นนุ่มต่อ ราวกับกำลังจะแกล้งให้คนตัวเล็กกลัวจนขาดใจ
“มะ...ไม่เอาครับอาโอมิเนะคุง... ฮึก...มันใหญ่เกินไป...ผมรับไม่ไหวหรอก” คนร่างบางส่ายหน้าทั้งน้ำตา สองมือบางยกขึ้นมาปิดหน้า  อาโอมิเนะคลี่ยิ้มมีเลศนัย ก่อนจะปัดมือทั้งสองข้างของคุโรโกะออก ปลายนิ้วเชยปลายคางมนขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายสบตาเข้าแต่เพียงผู้เดียว
“ไม่ทันแล้วล่ะ เท็ตสึ...”
“!”
“ฉันจะใส่เข้าไปล่ะนะ” อาโอมิเนะเอ่ยพร้อมกับจับท่อนเนื้ออุ่นอันใหญ่โตที่ชูชันไปจ่อตรงช่องทางสีชมพูสวย ความต้องการและความปรารถนาในเรือนร่างของมนุษย์น้อยๆ ตนนี้ทำให้เขาเกินจะห้ามใจไหว
“ไม่เอา! ไม่นะ!! ฮึก...ไม่!!!” สองมือบางดันหน้าท้องแกร่งไว้เมื่ออาโอมิเนะตั้งท่าจะสอดแทรกเข้ามา  ดวงตาคมกริบสีน้ำเงินประกายแสงความขัดใจอยู่ชั่วครู่ ทว่าแรงแค่นั้นไม่อาจห้ามอะไรอาโอมิเนะได้...
“อ๊า!!!”
คุโรโกะครางลั่นด้วยเมื่อส่วนร้อนแทรกเข้ามาภายในร่างกาย ร่างบางผวาเฮือกด้วยความทรมานและอึดอัดในช่องท้อง ร่างบางหลับตาแน่นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบหน้า  มือบางทั้งสองข้างกำผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่  มันใหญ่มาก...ใหญ่เสียจนเอาเข้ามาแทบไม่ได้ ส่วนที่ผ่านเข้ามาได้มีเพียงแค่ส่วนปลายมนเท่านั้น และตามมาด้วยความรู้สึกเจ็บปวด
คนร่างเล็กปรือตามองอาโอมิเนะที่กำลังนิ่วหน้า เพราะชายหนุ่มเองก็คงจะลำบากไม่น้อยที่จะบังคับเอาสิ่งที่ใหญ่ขนาดนั้นเข้าไปในช่องทางอันคับแคบ ทว่าบนสีหน้าของความลำบากก็มีสีหน้าของความเสียวสั่นสะท้านเจือปนอยู่...
“อาโอมิเนะคุง....ฮึก...ผมเจ็บ  หยุดเถอะครับ....มันเข้าไม่ได้หรอก...” ร่างบางสะอึกสะอื้นบอกอย่างน่าสงสาร  มันจุก...และแน่นไปหมดจนคุโรโกะเริ่มหายใจติดขัด หางตาเขาเห็นโองิวาระกำลังมองมาทางนี้ด้วยสายตาที่ไม่อาจบรรยายได้...คุโรโกะกัดริมฝีปากแน่นแล้วเบือนหน้าหนี  เขาเห็นความสะใจอันแสนดิบเถื่อนที่ได้ครอบครองร่างกายของเขาอยู่ในดวงตาสีน้ำเงินเข้ม
“ไม่...มันเข้าได้..” อาโอมิเนะเอ่ยตอบเสียงสั่นเครือเล็กน้อยด้วยความรู้สึกดี สองมือหนาจับเอวบางไว้แน่น
“แต่...แต่ว่า...อ๊า!!!”
คนตัวเล็กกรีดร้องอย่างทรมานอีกครั้งเมื่ออาโอมิเนะจัดการแทรกส่วนที่แข็งขืนเข้าไปภายในช่องทางนุ่มจนมิดภายในทีเดียว ความแน่นของมันที่รัดแก่นกายหนาซะแน่นเปรี๊ยะทำให้ใบหน้าหล่อเหลาต้องกัดฟัน พลางเชิดหน้าขึ้น ครางเสียงทุ้มต่ำลึกในลำคอด้วยความรู้สึกดี อาโอมิเนะสูดหายใจเข้าลึกหลายครั้ง เป็นครั้งแรกที่เขาได้ความบริสุทธิ์ของผู้ชาย คุโรโกะให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากคนอื่น ยามที่เขาได้เห็นใบหน้าหวานร้องไห้และแสดงความเจ็บปวดเขาก็ยิ่งสุขสม
ในขณะเดียวกันร่างบอบบางสั้นเทิ้มไปมาด้วยความเจ็บ พลางสะอึกสะอื้นอย่างหนักจนแผงอกกระเพื่อมเบาๆตามแรงหายใจ คุโรโกะหอบหายใจถี่รัว จิกผ้าปูที่นอนแน่นเสียจนเล็บแทบจิกเข้าไปในเนื้อผ้า ใบหน้าหวานเหยเกด้วยความเจ็บ น้ำตาเม็ดใสไหลผ่านแก้มขาวซีด ความเสียใจถาโถมเข้ามาในความรู้สึก เขาไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าครั้งแรกมันจะเจ็บขนาดนี้ และอาโอมิเนะไม่อ่อนโยนกับเขาอย่างที่ควรจะทำเลย...อีกฝ่ายกระแทกกระทั้นเข้ามาเพื่อสนองความใคร่ตัวเองเป็นหลัก ไม่สนเลยแม้แต่น้อยว่าเขาจะเจ็บแค่ไหน...
ทำไมเขาจะต้องมาเสียครั้งแรกอย่างเจ็บปวดแบบนี้ด้วย ทำไมคนที่กำลังกอดเขาอยู่ตอนนี้ถึงไม่ใช่คนที่เขารัก...ทำไมล่ะ
...ทำไม...
อาโอมิเนะไม่ปราณี แวมไพร์หนุ่มกระแทกส่วนแข็งขืนเข้าไปภายในช่องทางอุ่นนุ่มอย่างหนักหน่วงและรุนแรงจนเตียงสั่นไหวจนมันกระแทกกับผนังห้อง เรี่ยวแรงอันมหาศาลของแวมไพร์ทำให้คุโรโกะรู้สึกจุกข้างในทุกครั้งที่ถูกกระแทก สะโพกแกร่งขยับอย่างถี่รัว ฝ่ามือหนาจับเอวบางแน่นจนเกิดรอยช้ำอย่างน่ากลัว คุโรโกะได้แต่ร้องอย่างทรมาน พลางจิกเล็บลงบนผ้าปูที่นอนเพื่อระบายความเจ็บ ริมฝีปากบางร้องออกมาแทบขาดใจ
“หยุดเถอะครับ!...ฮึก...เจ็บ...ผมเจ็บ..” คนตัวเล็กร้องออกมาทั้งน้ำตา แต่อาโอมิเนะกลับมองไม่เห็นมัน...
“อึก...ซี๊ด...” ชายหนุ่มทำเสียงซี๊ดซ๊าดในลำคอด้วยความรู้สึกดี เขาจับเอวเล็กบอบบางให้เด้งสวนคืน  เขาไม่รู้ว่าคุโรโกะรู้สึกดีหรือเปล่า เพราะคนตัวเล็กเอาแต่ร้องไห้และส่ายหน้าไปมาอยู่นาน
“จะ...เจ็บ...ฮึก ปล่อยผมเถอะ...” ร่างบางร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ร่างทั้งร่างสั่นเทิ้มไปมาตามจังหวะกระแทกกระทั้นที่แวมไพร์หนุ่มเป็นฝ่ายควบคุม  ท่อนเนื้ออุ่นที่เสียดสีช่องทางช้างในทำให้หน้าท้องคุโรโกะรู้สึกเกร็งแน่น
“ผ่อนคลายหน่อยสิเท็ตสึ” เหมือนจะเป็นประโยคสั่งมากกว่าประโยคปลอบประโลม อาโอมิเนะครางเสียงต่ำในลำคอพร้อมกับเหงื่อเม็ดใสที่ไหลรินผ่านร่างกาย เขายกขาเรียวบางขึ้นพาดไหล่ ส่งผลให้ร่างบางต้องนอนกึ่งหันข้างน้อยๆ ซึ่งช่างเป็นตลกร้ายเหลือเกินที่ดวงตากลมโตสีฟ้าครามสบเข้ากับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มอย่างพอดิบพอดี
คุโรโกะส่ายหน้าทั้งน้ำตาในขณะที่มองโองิวาระ เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นสภาพที่น่าอับอายของเขา “ฮึก...อย่ามอง...โองิวาระคุง...ได้โปรดอย่ามอง  อ๊า!!!”  
แท่งเนื้ออุ่นกระแทกหนักเข้าไปอีกครั้นเห็นว่าคุโรโกะเริ่มมีปากมีเสียง  ร่างผอมบางสั่นไหวไปมาอย่างรวดเร็วกับเตียง ริมฝีปากอวบอิ่มเผยอออกครางเสียงหวานออกมาเป็นระยะ อาโอมิเนะมองผิวแก้มสีแดงระเรื่อด้วยความสุขสม ครั้นเห็นเหงื่อเม็ดใสไหลโซมกาย คุโรโกะก็ยิ่งดูเซ็กซี่มากขึ้นเป็นเท่าตัว
“อึก! อึก!”
“อ๊า! อย่า! ฮึก...เจ็บครับ...ได้โปรดหยุดที  ผมไม่ไหวแล้ว...” คนตัวเล็กร้องบอกอย่างทรมาน เสียงหวานสั่นเครืออย่างสะอึกสะอื้นในขณะที่ร่างทั้งร่างกำลังถูกอาโอมิเนะกลืนกินอย่างมีความสุข เสียงเฉอะแฉะของเนื้อที่กระทบกันดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง จุดกระสันภายในโดนตอกกระแทกเข้ามาซ้ำๆ อย่างไม่ปราณี
“สุดยอดเลยเท็ตสึ  อึก...” แวมไพร์หนุ่มครางต่ำในลำคอ เขาหลับตาทว่าสะโพกแกร่งกลับขยับเข้าออกด้วยจังหวะรวดเร็วสม่ำเสมอแรงไม่ตก ครั้นท่อนเนื้ออุ่นสอดเข้าไปภายในจนสุดและถอดออกมาจนสุด เขาก็ไม่อาจหักห้ามอารมณ์ของตัวเองที่กำลังปะทุขึ้นด้วยความเสียวได้ 
“ฮึก...พอซะที...ขอร้องล่ะ ฮึก...” ใบหน้าหวานยังคงเปรอะเปื้อนน้ำตา และกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด “เจ็บ...ไม่เอาแล้ว ฮึก...อ๊า!”
โองิวาระมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกแย่เกินกว่าจะอธิบาย เขาทำได้แค่นิ่งค้างอยู่อย่างนั้น ได้แต่มองคนที่เขารักถูกข่มขืนอย่างเลือดเย็น...ไม่สามารถทำอะไรได้ แม้สมองจะพยามสั่งร่างกายให้ลุกขึ้นไปช่วย  แต่ทว่า...สภาพอันทรุดโทรมจากการโดนซ้อมแทบปางตายของเขากลับนิ่งงันเป็นก้อนหิน 
หัวใจของเขาบีบรัดอย่างทรมานประหนึ่งถูกหลวดหนามเกี่ยวรัด... เขาเฝ้าทะนุถนอมคุโรโกะมานานแสนาน เฝ้ามองรอยยิ้มนั่นมาโดยตลอด ดูแลอย่างดีเพื่อให้คุโรโกะมีความสุข  แต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านั้นกลับถูกทำลายภายในคืนเดียว... ร่างกายของคุโรโกะที่เขาเฝ้าทะนุถนอมมานาน บัดนี้กลับมีแค่รอยช้ำของฝ่ามือและรอยสีกุหลาบประทับตราเต็มร่างกายไปหมด  รอยยิ้มที่เขาคอยเฝ้ามองและเสริมสร้างให้มันเปล่งประกาย ตอนนี้กลับมีแต่สีหน้าที่เจ็บปวดทรมาน และเป็นทุกข์...
 เขารักคุโรโกะ...รักมาโดยตลอด และเขาเองก็รู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่ว่าจะบอกความรู้สึกของตัวเองหรือไม่ สถานะคำว่าเพื่อนมันก็ไม่มีทางแปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นที่สำคัญไปมากกว่านั้น  แต่เพราะรู้...ถึงได้เตรียมใจมาตลอด  ว่าสักวันคุโรโกะจะต้องไปรักกับคนอื่น และไปมีอะไรกับคนอื่นอย่างที่คนรักกันควรจะเป็น
แต่เขาไม่เคยปรารถนาอยากเห็นคนที่เขารักโดนข่มขืนแบบนี้...
โดยที่ชายหนุ่มไม่รู้...น้ำตาเม็ดใสค่อยๆ ไหลรินผ่านแก้มขาวซีดอย่างเงียบงัน โองิวาระมองภาพตรงหน้าอย่างพร่าเลือนเพราะมีน้ำตาบดบัง  หัวใจพลันแตกเป็นเสี่ยงๆ ในวินาทีนั้นเอง...
...เสียใจที่เห็นคุโรโกะถูกย่ำยีอย่างเจ็บปวด เสียใจที่เห็นคนที่เขารักร้องไห้อย่างทรมาน  เจ็บใจตัวเองที่ไม่สามารถช่วยเหลือคุโรโกะได้...
“อ๊า!!!” เสียงร้องของคุโรโกะปลุกให้ชายหนุ่มหลุดออกมาจากภวังค์ เขามองเห็นภาพที่คนตัวเล็กกำลังถูกอาโอมิเนะจับนอนท่าที่ไม่ต่างอะไรจากสุนัข สะโพกกลมมนถูกฝ่ามือหนายกขึ้นสูง แล้วเพียงไม่นานชายหนุ่มก็กระแทกแก่นกายหนาเข้าไปอย่างหนัก
“อึก!” คนตัวเล็กครางเสียงดังลั่นพลางเชิดหน้าขึ้น ความเจ็บยังคงไม่ผ่อนคลายลงเพราะในใจคุโรโกะก็ต่อต้านสัมผัสนั้น ดวงตากลมโตเบิกโพรงเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกระแทกเข้าจนสุด ใบหน้าหวานซบหน้าลงกับที่นอน ในขณะที่ฝ่ามือหนารั้งสะโพกขึ้นชูเด่น “อย่า...อ๊า!”
สะโพกแกร่งขยับถี่รัว ฝ่ามือหนาออกแรงขย้ำก้นน้อยนุ่มนิ่มอย่างหมั่นเขี้ยว พลางกระแทกท่อนเนื้อหนาเข้าไปหนักๆอีกหลายครั้ง คนตัวเล็กได้แต่เม้มริมฝีปากแน่นทั้งน้ำตา
“อาโอมิเนะคุง ผมเจ็บ...ฮึก!” ไม่ว่าคุโรโกะจะพยายามตะโกนห้ามหรือขัดขืนมากแค่ไหน แวมไพร์หนุ่มก็ไม่สนใจรับฟัง สะโพกแกร่งยังคงขยับเข้าออกอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง
“อา...รูสึกดีชะมัด ข้างในของนายมันเยี่ยมจริงๆ เท็ตสึ อึก...” ชายหนุ่มครางอย่างสุขสมด้วยความรู้สึกดีสุดยอด ข้างในของคุโรโกะมันทั้งนุ่มทั้งอุ่น ต่างกับของผู้หญิงที่เขาเคยผ่านๆ มา   ไหนจะเสียงร้องของคุโรโกะที่ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้ศึกดี แม้เสียงหวานจะร้องออกมาด้วยความเจ็บทว่ามันก็น่าอภิรมย์นักที่จะอยากฟัง เขาเติมเต็มร่างกายตัวเองเข้าไปอย่างไม่รู้จักพอ สองมือขย้ำก้นนุ่มนิ่มอย่างแรงจนผิวขาวเริ่มปรากฏรอยแดงเถือก
เพี๊ยะ!
“อ๊า!” คนตัวเล็กเชิดใบหน้าหวานขึ้นครั้นถูกตีเข้าที่บั้นท้าย  อาโอมิเนะกระตุกยิ้มบนมุมปากก่อนที่เขาจะออกแรงฟาดลงไปอีกหนึ่งครั้ง
เพี๊ยะ!
“ฮึก...เจ็บ..” ร่างบางหันใบหน้าหวานกลับมามองอาโอมิเนะเล็กน้อยอย่างอ้อนวอน อีกฝ่ายคงจะคิดว่าสีหน้าแบบนั้นจะใช้ได้ผล ทว่ามันกลับส่งผลตรงกันข้ามเลยต่างหาก ครั้นร่างบางหันหน้ามามองเขาด้วยดวงตาฉ่ำปรือจากน้ำตาเช่นนั้น ท่อนเนื้อร้อนของเขาก็ยิ่งแข็งขืนหนักเข้าไปอีก
อาโอมิเนะฟาดก้นน้อยเบาบ้างแรงบ้างสลับกันไป เพราะก้นของคุโรโกะมันนุ่มนิ่มมากซะจนเขาอดใจตัวเองไม่ไหว ร่างบอบบางสั่นคลอนไปมาอย่างรุนแรงตามการขยับสะโพกของชายหนุ่ม อาโอมิเนะทำเสียงสูดปากด้วยความเสียวสั่นสะท้าน ดวงตาคมกริบสีน้ำเงินก้มลงมองก้นน้อยนุ่มนิ่มที่ตอนนี้ปรากฏรอยแดงเถือกไปหมดจนมันจะกลายเป็นรอยมืออยู่แล้ว
“ฉันรักนายนะ เท็ตสึ...” ชายหนุ่มก้มลงมาหอมเรือนผมสีฟ้าครามเบาๆ ริมฝีปากหยักเอ่ยเสียงเบาราวกับกระซิบที่ข้างหูอย่างอ่อนโยน  แต่ทว่ามันไม่ได้ช่วยให้คนตัวเล็กรู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย ร่างบางสะอึกสะอื้นจนตัวโยนแล้วถามตัวเองในใจว่าถ้ารักเขาจริง...แล้วทำไมถึงทำกับเขาแบบนี้...
ฝ่ามือหนาทั้งสองข้างยื่นมากอดคนตัวเล็กเข้าหาตัว ทำให้แผ่นหลังบางรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิอันแสนเย็นเยียบจากแผงอกหนาของชายหนุ่ม เขากอดคุโรโกะด้วยความรักทั้งหมดที่มี ประคองใบหน้าหวานให้หันกลับมา ก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปบนริมฝีปากบาง จุมพิตคนใต้ร่างด้วยความรักใคร่ อยากจะให้คนร่างบางรับรู้ว่าความรักของเขามันเป็นเรื่องจริงจังมากแค่ไหน...แต่ถึงกระนั้นคนตัวเล็กกลับไม่รู้สึกแบบนั้น
...เขาเจ็บ  อยากจะหนีออกไป ไม่อยากถูกกอดอะไรทั้งสิ้น...
ทำไมอาโอมิเนะถึงไม่เข้าใจ...ว่าการทำแบบนี้มันทำให้เขารักไม่ได้...
...ทำไมถึงไม่เข้าใจ...
“อ๊า!”
แล้วคุโรโกะก็ต้องร้องออกมาเสียงหลงอีกครั้งเมื่อชายหนุ่มรั้งสะโพกเขาเข้าหาตัวแล้วเริ่มกระแทกถี่ยิบขึ้นเรื่อยๆ เสียงร้องของเขาดังซ้ำๆ เหมือนแผ่นสะดุดพร้อมกับเตียงหนาที่กระแทกผนังอย่างแรงจนดังตึงๆ บ่งบอกได้ว่าบทเพลงรักนี้มันรุนแรงมากแค่ไหน
“อึก...เท็ตสึ...แฮ่กๆ”
“อ๊ะ! อ๊า!!”  คนตัวเล็กซบหน้าลงกับเตียงนอน ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากันอย่างเซ็กซี่ จริงอยู่ว่าชายหนุ่มอาจเหมือนจะทำให้เขารู้สึกดี ทว่ามันกลับไม่ใช่แบบนั้นเลย  เขาเจ็บและจุกจนพูดไม่ออก...ร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนไม่มีเสียง
“ยังไม่เลิกร้องไห้อีกหรอเท็ตสึ” อาโอมิเนะจับเขาให้หันมาในท่านอนหงาย เขาหยุดขยับชั่วครู่หนึ่ง สองมือหนาจับขาเรียวบางอ้าออกกว้างแล้วเริ่มขยับตัวเข้ามาแทรกกลางมากยิ่งขึ้น ครั้นได้ยินคำถามเช่นนั้นคุโรโกะก็ไม่กล้าตอบอะไร เพราะอีกฝ่ายน่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจ เขายกหลังมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาน้อยๆ ก่อนจะหันหน้าหนี
“คุณก็รู้...ฮึก...ไม่ใช่หรอครับ...”
“แล้วจะร้องทำไม?” อาโอมิเนะเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจนัก เหมือนเขาไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อยถึงความรู้สึกของคุโรโกะ  มันจึงทำให้ร่างเล็กรู้สึกเจ็บ...เจ็บที่หัวใจจนพูดไม่ออก  ราวกับคำว่ารักที่อีกฝ่ายพร่ำบอกนักหนาเป็นแค่คำพูดที่ไม่มีความรู้สึกอยู่ในนั้นเลย...
“สบายใจหรือยังล่ะครับ” กลับกัน...คนตัวเล็กไม่ตอบคำถาม เขาเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นปนสะอื้น ถึงกระนั้นดวงตากลับเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาและบวมแดงน้อยๆ จากการร้องไห้อย่างหนัก  ริมฝีปากบางที่เหยียดยิ้มเหมือนเป็นรอยยิ้มที่ฝืนยิ้มออกมาอย่างเสียใจมากกว่าการยิ้มท้าทาย
“สบายใจเรื่องอะไร?” อาโอมิเนะขมวดคิ้ว
คุโรโกะยิ้มทั้งน้ำตา “ก็สบายใจ...ที่ได้ข่มขืนผมอย่างที่ต้องการไงครับ”
“...”
“คุณบอกว่ารักผม แต่ผมไม่เข้าใจถึงความรักของคุณเลยสักนิด”
“...”
“สุดท้ายคุณมันก็แค่คนขี้แพ้สินะครับ  กลัวว่าผมจะโดนคนอื่นแย่งไป คุณเลยต้องชิงทำก่อน สุดท้ายมันก็ไม่ต่างจากเด็กเลยไม่ใช่หรอ”
“เท็ตสึ หยุดพูด...”
“พอพูดดีๆไม่ได้ก็ใช้กำลัง ภูมิใจมากใช่ไหมครับ ได้ข่มขืนคนอื่นเนี่ย?”
“เท็ตสึ นายกำลังจะทำให้ฉันโกรธ หยุดพูดเดี๋ยวนี้...”
“สุดท้ายแล้วคุณเอง...ก็แย่กว่าอาคาชิคุงซะอีก”
“!”
สติของอาโอมิเนะพลันขาดลงในวินาทีนั้นเอง ชายหนุ่มรู้สึกโกรธจนหน้ามืดตามัว เขากดมือทั้งสองข้างของคุโรโกะลงกับเตียง กำข้อมือบางแน่นมากซะจนคุโรโกะร้องโอ๊ยออกมาด้วยความเจ็บ ข้อมือขาวปรากฏรอยแดงขึ้นน้อยๆ ใบหน้าหวานทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บ ดวงตากลมเหลือบมองอาโอมิเนะอย่างหวาดๆ 
แวมไพร์หนุ่มหายใจหอบถี่ ดวงตาคมสีน้ำเงินเข้มมองมาที่คุโรโกะด้วยความโกรธเกรี้ยว “นายทำให้ฉันโกรธเอง...ถ้าจะโทษใครนายก็โทษตัวเองซะเถอะ!”
“อื้อ!!!”
ร่างบางร้องออกมาเสียงหลง แก่นกายของร่างสูงเริ่มขยายใหญ่ขึ้น คุโรโกะเม้มริมฝีปากอวบอิ่มเข้าหากันพลางนิ่วหน้าด้วยความรู้สึกเจ็บ อาโอมิเนะขยับสะโพกแกร่งเข้าหาช่องทางอุ่นนุ่มอย่างหนักหน่วงและกระแทกกระทั้นเร็วขึ้นทุกวินาที เขามองภาพตรงหน้าด้วยความพึงพอใจ ช่องทางที่ตอดรัดแก่นกายเขาแน่นมันช่างทำให้เขารู้สึกสุขสมเหลือเกิน
“อ๊า...จ...เจ็บ! ฮึก...”
“ถ้าเจ็บ...อา...แล้วทำไมไม่หัดคิดก่อนพูด ห๊ะ!”
“อึก...อ๊ะ ...ฮึก...เจ็บครับ! ฮึก...หยุด...”
“ซี๊ด...อา...รู้สึกยังไงบ้างล่ะ”
“ฮึก...พอแล้วครับ!  หยุดนะ! ผมเจ็บ...ฮือ...”
ร่างสูงไม่สนใจต่อเสียงร้องของคุโรโกะ สะโพกแกร่งยังคงขยับถี่รัวด้วยความปรารถนาในเรือนร่างของคุโรโกะ นัยน์ตาคมไล่มองรอยช้ำบนร่างผอมบางด้วยแววตาพึงพอใจ ครั้นสายตาสีน้ำเงินไพลินเหลือบมองขึ้นมายังลำคอขาวระหงส์ รอยยิ้มร้ายปริศนาก็ผุดขึ้นมาบนมุมปากหยักของคนร่างสูง และทันใดนั้นเอง...
“อึก!”
จากฝ่ามือหนาที่เคยจับข้อมือบอบบางทั้งสองข้างเริ่มเลื่อนขึ้นมาบีบที่ลำคอระหงอย่างแรง จนปรากฏรอยช้ำสีม่วงน่ากลัวบนรอบคอทั้งห้านิ้ว คุโรโกะผวาเฮือกด้วยความตกใจกลัว ออกซิเจนที่เคยได้รับพลันหายไป นัยน์ตากลมโตเบิกโพลงด้วยความตกใจ
“อึก...อึก...อ่อก”
เสียงหายใจอันติดขัดของคุโรโกะดังเป็นจังหวะกับที่ร่างสูงขยับสะโพกเข้ามา ทว่ามันช่างเป็นเซ็กส์อันมีความทรมานควบคู่กัน ร่างเล็กหายใจติดขัดด้วยความอึดอัดแสนสาหัส เสียงอึกอักดังในลำคอด้วยความทรมานที่หายใจไม่ออก ดวงตากลมเริ่มเหลือกไปมาอย่างทรมาน เขายกมือขึ้นมาหมายจะดึงมือของอาโอมิเนะออกแต่ทว่าแรงของเขาก็ไม่สามารถสู้แวมไพร์หนุ่มได้เลย
อาโอมิเนะบีบคอคุโรโกะอย่างไม่ออมแรง ราวกับว่าไม่กลัวสักนิดว่าคุโรโกะจะตาย เขามองสีหน้าอันทุกข์ทรมานปานจะขาดใจตายของคนตัวเล็กด้วยความพึงพอใจ แก้มสีชมพูพลันซีดเซียวลงทีล่ะน้อย น้ำตาไหลอาบแก้มพร้อมกับเสียงดังอึกอัก ร่างสูงคลี่ยิ้มบนมุมปาก พลางขยับสะโพกเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ  ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้ยิ้มออกมาในสถานการณ์แบบนี้...
“อา...อา...เท็ตสึ  ฉันจะ...อึก!”
จากนั้นไม่นานชายหนุ่มก็ค่อยๆ ปล่อยคุโรโกะให้เป็นอิสระ แล้วกระหน่ำกระแทกสะโพกเข้าไปครั้นใกล้ถึงจุดสุดยอด คนตัวเล็กไอแค่กๆ อย่างทรมานในขณะที่ทั้งตัวโยกไปมาอย่างแรงตามการขยับสะโพกเข้าออกของอาโอมิเนะ เขาหอบหายใจหนัก หน้าอกขาวเนียนกระเพื่อมขึ้นลงตามการหายใจ คุโรโกะอยากจะยกมือขึ้นมาสัมผัสที่รอบคอของตัวเองเพื่อหารอยช้ำ ทว่าก็ทำไม่ได้เมื่ออยู่ๆ ชายหนุ่มก็โน้มตัวลงมากอดเขาโดยที่สะโพกแกร่งยังคงขยับเข้าออกตรงช่องทาง  จมูกโด่วซุกไซ้ไปมาที่ค้นคอขาวเนียน
“อ๊า! อ๊า!!”
“อึก! เท็ตสึ!! เท็ตสึ!!!”
ชายหนุ่มเริ่มขยับเร็วขึ้นเมื่ออารมณ์ใกล้ถึงจุดหมายปลายทาง เขาเรียกชื่อคุโรโกะซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยน้ำเสียงแหบพร่า แก่นกายแข็งขืนร่ำร้องอยากปลดปล่อยเต็มช่องทางอุ่น ร่างสูงจึงกอดคุโรโกะแน่นแล้วกระแทกสะโพกเร็วขึ้นๆ และแรงขึ้น
“อ๊า!!!” เสียงหวานดังขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายพร้อมกับน้ำรักสีขาวขุ่นที่ปลดปล่อยออกมาเต็มช่องทาง คนตัวเล็กครางเสียงกระเส่าหวานด้วยความเหนื่อยอ่อน ร่างกายกระตุกเกร็งเล็กน้อย สองมือบางกำผ้าปูที่นอนแน่น  น้ำเหนียวอุ่นร้อนที่ทะลักเข้ามาภายในช่องทางคือสิ่งเดียวที่คุโรโกะรู้สึกในตอนนี้  แก่นกายหนาของชายหนุ่มกระตุกเกร็งอย่างแรงจนร่างสูงโปร่งกัดฟันกรอดครั้นแท่งเนื้อร้อนได้ปลดปล่อยสมความต้องการ
อาโอมิเนะทิ้งน้ำหนักตัวเองลงบนร่างคุโรโกะอย่างอ่อนเพลีย ต่างฝ่ายต่างหอบหายใจอย่างหนักเพราะความเหนื่อยล้า เสียงหายใจกระเส่าที่ดังข้างหูทำให้คนร่างสูงโปร่งรู้สึกไม่เหนื่อยอย่างที่ใจคิด ยังไงเสียเขาก็เป็นแวมไพร์ ความอึดย่อมมีมากกว่ามนุษย์เป็นธรรมดา ทว่าในทางกลับกัน...คุโรโกะรู้สึกเหนื่อยจนแทบขาดใจ  ร่างบางเหม่อมองเพดานอันถูกความมืดทาบทับด้วยดวงตาเหม่อลอย  หยดน้ำตาบริสุทธิ์ค่อยๆ ไหลออกมาจากหางตา ไหลรินผ่านแก้มลงไปกระทบกับที่นอน
ความเสียใจพรั่งพรูออกมาจนเขาร้องไห้ไม่ออก  เขาไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว  ข้างในของเขาถูกทำให้แปดเปื้อนโดยผู้ชายที่เขาไม่ได้รัก  มันเต็มไปด้วยสิ่งสกปรกโสมม...
ส่วนนั้นของอาโอมิเนะยังคงสอดแทรกคาไว้อยู่ และแม้ว่ามันจะได้ปลดปล่อยสมควรต้องการแล้วแต่ขนาดของมันกลับยังคงใหญ่เหมือนเดิม ไม่มีทีท่าว่าจะผ่อนขนาดลงอย่างที่มันควรจะเป็น...แม้จะมองไม่เห็นแต่คุโรโกะก็รู้สึกได้ถึงปริมาณน้ำสีขาวขุ่นมากมายที่กำลังไหลรินออกมาจากช่องทางของเขาเปรอะเปื้อนไปตามระหว่างขา มันทำให้เขารู้สึกขยะแขยงตัวเองจนแทบอยากจะอาเจียน
คุโรโกะภาวนาของให้ตัวเองสลบ หากอาโอมิเนะอยากจะสัมผัสเขาต่อไปเขาก็จะได้ไม่ต้องฝืนสู้ จะได้หนีไปอยู่ในโลกความฝัน...ไปไกลสักเท่าไรก็ยิ่งดี เขาจะได้ไม่ต้องมาทนแบกรับกับชะตากรรมที่ทรมานเช่นนี้ แต่ถึงกระนั้นสงสัยแรงปรารถนาของเขาจะไม่เพียงพอ ดวงตาที่บวมแดงช้ำของเขาไม่มีทีท่าว่าจะหนักขึ้นเลย...
ไม่รู้ทำไมอยู่ในใจคุโรโกะก็เรียกร้องหาใครบางคน...
เรียกร้องหาความช่วยเหลือที่เป็นได้แค่เสียงในใจ...
...คุณแนชช่วยผมด้วย...
ครั้นชื่อของบุคคลที่เขาเฝ้าเรียกหาในใจดังเข้ามาในสมอง น้ำตาของเขาก็ไหลออกมาเองโดยไม่ทราบสาเหตุ คุโรโกะเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น  คิดถึงผู้ชายคนนั้นอย่างสุดหัวใจ  ผู้ชายที่สัญญาว่าจะอยู่เคียงข้าง คอยปกป้องและปลอบประโลมเวลาร้องไห้  แล้วทำไมกันล่ะ...ไหนอีกฝ่ายบอกว่าจะปกป้องเขาไม่ใช่หรอ  แล้วทำไมถึงไม่ช่วยเขาล่ะ...  ทั้งที่เขาเรียกหาตั้งขนาดนี้...
...แล้วทำไมถึงไม่มาช่วยเขาล่ะ...
ไม่รู้ว่าทำไมคุโรโกะถึงคิดแบบนี้ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่คิดมันเห็นแก่ตัวและเป็นไปไม่ได้มากแค่ไหน  แต่ถึงกระนั้น...เขาก็อยากแอบหวังว่าอย่างน้อยปาฏิหาริย์จะทำให้แนชมาช่วยเขา และทำให้เขาหลุดออกไปจากวังวนความทรมานนี้
...แต่ทว่าก็ไม่...
“หมดเวลาพักแล้ว”
เสียงทุ้มต่ำอันไม่ต่างจากเสียงระฆังเวลาทรมานชีวิตของคุโรโกะดังขึ้น ร่างบางทำหน้าแตกตื่นด้วยความตกใจแต่ร่างกายกลับไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะขัดขืนแล้ว คนตัวเล็กทำได้เพียงแค่แสดงสีหน้าออกไปให้อาโอมิเนะเห็นว่าเขากลัวมากแค่ไหน  ร่างสูงโปร่งมองคนร่างบางใต้ร่างด้วยแววตาดุจเสือร้าย ครั้นไล่สายตาต่ำลงมายังช่องทางอุ่นนุ่มสีชมพูที่มีน้ำสีขาวขุ่นทะลักออกมาริมฝีปากหยักก็ยิ่งเหยียดยิ้มอย่างพึงพอใจ ขนาดว่าแท่งเนื้อร้อนของเขายังใส่คาไว้อยู่ยังมีน้ำออกมามากขนาดนี้ ถ้าถอดออกแล้วจะไหลออกมามากขนาดไหนนะ...อาโอมิเนะคิดในใจด้วยรอยยิ้มเหยียดบนมุมปาก
“มาเริ่มยกที่สองได้แล้วเท็ตสึ”
อาโอมิเนะค่อยๆ ถอนแก่นกายออกมาจากช่องทางรักสีชมพูอย่างเชื่องช้า ครั้นท่อนเนื้อหนาออกมาจากช่องทางคับแคบ น้ำสีขาวขุ่นจำนวนมากก็ไหลออกมาจากช่องแคบนั้นจนเปรอะเปื้อนบนเตียงนอน ทว่าร่างสูงโปร่งไม่ยอมปล่อยให้คุโรโกะหลงคิดไปว่าทุกอย่างมันจะจบลงพียงเท่านี้  เขาดึงคนตัวเล็กขึ้นมานั่งบนตักตัวเอง พลางหันหน้ามาหาโองิวาระ 
คุโรโกะหน้าถอดสีเมื่อประสานสายตาตรงๆ กับดวงตาอันเต็มไปด้วยความตื่นตกใจของโองิวาระ  ทั้งสองจ้องมองกันอย่างเงียบงัน อีกฝ่ายกำลังมองมาที่เขาด้วยแววตาตื่นตระหนกตกใจพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบหน้า  ในขณะที่แววตาของเขาคุโรโกะก็ตกใจไม่แพ้กัน แต่มันกลับเต็มไปด้วยความเสียใจและไร้ชีวิตชีวา  ใบหน้าหวานส่ายหน้าไปมา เขาคิดว่าที่โองิวาระร้องไห้ก็เพราะผิดหวังในตัวเขา คุโรโกะจึงทำได้แค่เพียงภาวนาในใจให้อีกฝ่ายเข้าใจสายตาที่เขาพยายามจะสื่อว่า ‘ได้โปรดอย่ามองมาทางนี้’
แค่นี้เขาก็อับอาย และสกปรกมากพอแล้ว ได้โปรดอย่ามองสภาพอันน่าเวทนาของเขาไปมากกว่านี้เลย...
“อ๊า!” ไม่ทันไรเรื่องราวก็วนมาสู่จุดเริ่มต้นเหมือนเดิม อาโอมิเนะจับแก่นกายหนาสอดเข้ามาในช่องทางของคุโรโกะโดยที่ร่างบางยังไม่ทันตั้งตัว  โองิวาระมองคุโรโกะด้วยท่าทางตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายครางเสียงแบบนั้นออกมา คุโรโกะเองก็รู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไร  แต่ว่าเขาคงไปห้ามอะไรไม่ได้แล้ว...
ร่างบางครางเสียงหวานออกมาด้วยใบหน้าหวานแสนเซ็กซี่โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ  อาโอมิเนะจับท่อนเนื้อสอดใส่เข้ามาในท่าที่เขากำลังนั่งอยู่ มันจึงทำให้แก่นกายสอดเข้ามาลึกขึ้นจนโดนจุดกระสันภายใน ช่องทางคับแคบบีบรัดแก่นกายหนาตุบๆ คุโรโกะเม้มริมฝีปากทั้งน้ำตา เขาไม่อาจหักห้ามเสียงของตัวเองได้ ทั้งที่รู้ดีว่าไม่ควรแสดงออกว่ามีอารมณ์ร่วม แต่ว่าร่างกายมันกลับไม่ยอมฟัง...
“มันเข้าไปได้ง่ายมากเลย นายคิดว่างั้นไหมโองิวาระ? อาจมีเพราะมีน้ำของฉันอยู่ข้างในก็ได้นะ หึๆ” ริมฝีปากหยักเหยียดยิ้มกว้าง ฝ่ามือหนายกข้อพับขาคุโรโกะขึ้นหนึ่งข้าง โดยให้ขาอีกข้างของคุโรโกะพาดกับหัวเข่าของตนที่ตั้งชันขึ้นแทน  การนั่งท่านี้ทำให้ขาเรียวบางอ้าออกกว้าง และยิ่งมาอยู่ต่อหน้าสายตาโองิวาระมันก็ยิ่งทำให้คุโรโกะรู้สึกอับอาย
“ฮึก...ไม่เอา อย่า...” ใบหน้าหวานเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความอาย น้ำตาไหลรินออกมาผ่านแก้มขาว นัยน์ตาสีฟ้าครามพยายามส่งสายตาให้โองิวาระหันหน้าไปทางอื่น แต่เจ้าตัวคงไม่รู้ว่าท่าทางของเจ้าตัวในตอนนี้มันน่าจ้องมองมากแค่ไหน
“ฉะ...ฉัน...”  โธ่เว้ย! จะมองทำบ้าอะไรวะ หันไปทางอื่นเซ่!...แม้โองิวาระจะร้องบอกตัวเองในใจ แต่สมองมันกลับไม่ยอมฟัง เขายังคงนั่งนิ่งอยู่เช่นนั้น จ้องมองร่างกายเปลือยเปล่าของคุโรโกะด้วยความปรารถนาอันอยู่ส่วนลึกในใจ คนตัวเล็กในตอนนี้งดงามมากจนละสายตาไม่ได้ จริงอยู่ว่าแม้ร่างบางจะเอาแต่ร้องไห้ แต่ผิวขาวๆนั่นกับใบหน้าที่แสนยั่วยวนมันมีมนต์เสน่ห์บางอย่างที่ตรึงสายตาเขาไว้
“มองตาค้างเชียวนะ” อาโอมิเนะอย่างอารมณ์ดี พลางเริ่มขยับสะโพกเข้าออกกับตรงช่างทางรักสีชมพู คุโรโกะครางเสียงดังลั่นด้วยความรู้สึกแปลกๆ ในอก  หน้าท้องน้อยรู้สึกจุกทุกครั้งเมื่อท่อนเนื้อหนากระแทกเข้ามา
โองิวาระได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหน้าปฏิเสธในข้อกล่าวหาของอโอมิเนะ “มะ...ไม่ใช่! ฉันไม่ได้...”
“เห...ไม่ได้มองงั้นหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงยียวน แสดงออกมาอย่างชัดเจนผ่านทางสีหน้าว่าไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย  ริมฝีปากหยักเหยียดยิ้มก่อนที่เขาจะขยับสะโพกกระแทกสวนเข้าไปอีก
“อ๊า!” ร่างบอบบางบิดเร้าไปมาบนตักของชายหนุ่ม  มือบางยื่นไปจิกเข่าของอาโฮมิเนะไว้เพื่อระบายความเสียวซ่าน ใบหน้าหวานอันเปรอะเปื้อนเอียงหน้าหนีน้อยๆ ก่อนจะเปิดริมฝีปากพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนระทวย “หยุดเถอะครับ...ฮึก...ผมไม่ไหวแล้ว...อ๊า!”
อาโอมิเนะมองคนตัวเล็กที่กำลังร้องเสียงหวานด้วยสีหน้าพึงพอใจ แม้ร่างบางจะไม่ยินดีกับสัมผัสที่เขามอบให้สักแค่ไหน ยังไงเสียความจริงที่ว่าคุโรโกะตกเป็นของเขาแล้วก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง  ถึงจะร้องไห้สักแค่ไหน...กรีดร้องออกมามากสักเพียงใด  คุโรโกะก็ไม่อาจปฏิเสธความรู้สึกดีที่ตนเองรู้สึกได้ลงหรอก...
“ฮึก...อย่ามอง  ได้โปรดเถอะโองิวาระคุง  อย่ามองผมเลยนะครับ...” ริมฝีปากร้องบอกเพื่อนสนิทด้วยความหวังที่แทบไม่หลงเหลือแสงใดๆ ร่างกายเขาเองทำไมเขาจะไม่รู้....ว่าตอนนี้ตัวเขากำลังถูกพิษจากการมีเพศสัมพันธ์ค่อยๆ มัวเมาทีล่ะน้อย  มันเป็นความรู้สึกดีอันเสียวสั่นสะท้านที่เขาไม่ยอมรับมัน แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะปฏิเสธมันได้นานแค่ไหน  นั่นจึงเป็นเหตุผลที่น้ำตาเขายังคงไหลอาบหน้า...เพราะตัวเขารู้สึกหวาดกลัวว่าอาจจะปล่อยท่าทีอันแสนน่ารังเกียจให้โองิวาระเห็น
ทางด้านโองิวาระทำได้แค่นั่งเม้มปากแน่น  เขาอยากจะเบือนหน้าหนีแต่ก็ทำไม่ได้ ทั้งเสียงทั้งกลิ่น และสัมผัส สิ่งเหล่านั้นวนเวียนอยู่รอบตัว ไม่ว่าเขาจะพยายามปฏิเสธมากแค่ไหนก็ไม่มีทางหนีได้ ไม่ว่าเขาพยายามจะหนีความจริงสักแค่ไหน...ภาพของคุโรโกะที่กำลังโดนชายอื่นสมสู่ตรงหน้าเขาก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง “ขอโทษนะคุโรโกะ  ฉัน...คือฉัน...” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงสั่นด้วยความเสียใจ ในขณะที่ดวงตายังคงเบิ่งค้างมองภาพตรงหน้าราวกับโดนมนตร์สะกด  
อาโอมิเนะเข้าใจดีถึงความรู้สึกของโองิวาระ ถึงจะพยายามไม่มองแค่ไหนแต่ร่างกายอันแสนน่ารักน่าชังที่กำลังถูกทำให้แปดเปื้อน ก็ช่างตราตรึงเสียเกินกว่าจะบังคับใจให้หันไปมองทางอื่นได้ แต่เพราะแบบนั้นเขาถึงยิ่งรู้สึกสนุก สะโพกแกร่งขยับเข้าออกด้วยจังหวะอันสม่ำเสมอ ส่งผลให้ร่างบอบบางขยับขึ้นลงตามด้วยใบหน้าหวานแสนล่อตาล่อใจ เสียงเนื้อกระทบกันโดยมีของเหลวหนืดค้างอยู่ภายในดังอย่างเป็นจังหวะเช่นเดียวกัน
“อ๊า! อย่า...อย่า!  อื้ม...”
“หึๆ เท็ตสึ นายปฏิเสธขนาดนั้น แต่ใบหน้าของนายมันช่างเซ็กซี่เหลือเกินนะ” อาโอมิเนะเลียแก้มขาวอย่างอ้อยอิง
“มะ...ไม่ใช่  คุณผิดแล้ว...อ๊า!”
“ยอมรับมาเถอะน่ะว่านายติดใจแล้ว ดูสิ...ขนาดนายปฏิเสธขนาดนี้แต่ช่องทางรักของนายกลับตอดรัดของฉันแน่นดังตุบๆ  แสดงว่านายชอบมันมากเลยไม่ใช่หรือไง  อา...”
“ไม่...อย่า  อ๊า!”
“อา...ขนาดโดนปล่อยเข้าไปครั้งนึงแต่ยังฟิตอยู่เลยนะ อืม...”
“อ๊า! อ๊า!  อย่า...”
“ข้างในของนายมันตอดรัดแน่นชะมัด ทำเอาแทบขยับไม่ได้แน่ะ หึๆ”
“ฮึก...หยุดเถอะ...ได้โปรด  อ๊า!!”
“ยังปฏิเสธอยู่หรอ  งั้นดูสิว่าแบบนี้ยังจะปฏิเสธอยู่ไหม”
แวมไพร์หนุ่มยกยิ้มร้ายบนมุมปาก  ดวงตาคมกริบสีน้ำเงินเข้มประกายแสงความไม่น่าไว้ใจออกมา ก่อนที่ฝ่ามือหนาจะยื่นไปบดขยี้ที่ยอดเม็ดไข่มุกสีชมพูเบาๆ
“อ๊า!” คนตัวเล็กครางเสียงหวานออกมาด้วยความรู้สึกดีที่ตนไม่อยากจะยอมรับ ฝ่ามือข้างหนึ่งของชายหนุ่มยกขาเขาไว้ ในขณะที่มืออีกข้างบีบเคล้าคลึงที่ยอดอกสีสวยไปมาอย่างสนุกสนาน ปลายนิ้วเรียวถูไถไปมาอยู่สักพัก พลางออกแรงดึงน้อยๆ จนเม็ดสีชมพูสวยแดงช้ำไม่ต่างจากเม็ดเชอรี่อันน่าลิ้มลอง
“นายชอบใช่ไหมล่ะเท็ตสึ ยอมรับความจริงมาเถอะน่า” ลิ้นหนาเลียเข้าที่ใบหูอย่างเชื่องช้าและอ้อยอิง ใบหน้าหวานเอียงหน้าหนีด้วยความกลัว มือบอบบางข้างขวายกขึ้นมาสัมผัสที่อกด้วยความรู้สึกสั่นสะท้านแปลกๆ ที่ก่อเกิดขึ้น  มือซ้ายจิกลงที่เข่าของอาโอมิเนะเต็มแรงด้วยความเสียวสั่นสะท้าน พยายามปฏิเสธในสิ่งที่แวมไพร์หนุ่มกล่าวหา
“มะ...ไม่ใช่ อ๊า!”
“อา...เท็ตสึ... เท็ตสึ...”
“ฮึก...พอเถอะครับ  อ๊า!  อย่า...โองิวาระคุง ฮึก... ได้โปรดอย่ามอง...อื้อ!”
ทั้งส่วนล่างและหน้าอกถูกล่วงเกินจนไม่เหลือความบริสุทธิ์ใดๆ หลงเหลือ  ทั้งที่ยังนั่งอยู่แต่สะโพกแกร่งยังคงขยับเข้าออกตรงช่องทางด้วยจังหวะสม่ำเสมอ  เขารู้สึกว่าช่องทางถูกเติมเต็มเข้าไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด น้ำขาวขุ่นที่เคยถูกปล่อยเต็มช่องทางก่อนหน้านี้ละเลงอยู่ภายในพร้อมกับส่วนปลายที่แทงเข้าแทงออก ส่งผลให้น้ำหนืดขาวเข้าไปลึกขึ้น ง่ายต่อการขยับของแท่งเนื้ออุ่นมากยิ่งขึ้นไปอีก
“ฮึก...ได้โปรดอย่ามองผม....”
คุโรโกะไม่สามารถรู้ได้ว่าสภาพของตัวเองในตอนนี้มันน่าเกลียดสักแค่ไหน แต่ก็พอเดาได้ไม่ยากว่าตัวเองกำลังทำสีหน้าเช่นไร...แม้ตัวเขาจะไม่เต็มใจ แต่ร่างกายทุกส่วนที่ไวต่อความรู้สึกกลับกำลังเต้นตึกตักไปมาครั้นถูกฝ่ามือหยาบโลนสัมผัสไปทั่วทั้งร่าง  เพราะแบบนั้นเขาถึงได้นึกรังเกียจตัวเอง...ถึงจะรู้สึกเจ็บในใจที่โดนข่มขืนและพยายามร้องไห้ปฏิเสธสักแค่ไหน แต่ร่างกายอันไม่รักดีกลับซื่อตรงต่ออารมณ์ความใคร่ส่วนลึกในใจ
...เขาถึงได้ขอร้องให้โองิวาระอย่ามองมาที่เขา...
...ให้ทำเป็นมองไม่เห็น หรือทำเป็นไม่เคยเกิดขึ้นก็ได้  แต่ว่าได้โปรดเถอะ...อย่าได้จดจำภาพที่แสนน่าอับอายของเขาในตอนนี้เข้าไปในหัวเลย...
“เฮ้ โองิวาระ” เสียงเรียกของอาโอมิเนะเรียกสายตาของเด็กหนุ่มให้หันไปมอง  แวมไพร์หนุ่มเหยียดยิ้ม ก่อนจะปรายตามองยังส่วนกึ่งกลางลำตัวของอีกฝ่าย “ปากบอกไม่ๆ แต่ตรงนั้นของนายกลับร่าเริงจริงนะ หึๆ
ครั้นได้ยินเช่นนั้นโองิวาระจึงก้มลงมองส่วนกึ่งกลางลำตัวของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วเขาก็พบว่ามันกำลังแข็งขืนชูชันอยู่จริงๆ เด็กหนุ่มกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ...โกรธตัวเองที่ปล่อยให้ภาพตรงหน้ายั่วยุจนมีอารมณ์ ทั้งที่ความจริงเขาไม่อยากจะคิดแบบนั้นกับคุโรโกะเลยแม้แต่น้อย
“หึๆ ไม่ต้องกังวลไป ฉันเข้าใจดีถึงความรู้ของนาย ผู้ชายก็แบบนี้แหละนะ” เขาเลียแก้มขาวนวลอย่างเนิบช้า ลิ้มรสหยาดน้ำตาก่อนจะลากผ่านปลายลิ้นขึ้นมาซึมซับหยดน้ำตาบนขนตางอนยาวเป็นแพ  คนตัวเล็กผวาเฮือกเล็กน้อยด้วยความกลัว พลางหันหน้าหนีเล็กน้อย แต่ท่าทางเช่นนั้นกลับยิ่งน่ารักนักในแววตาสีน้ำเงินไพลิน
และไม่รู้ทำไมครั้นโองิวาระเห็นคุโรโกะที่เป็นแบบนี้แล้ว แก่นกายของเขาก็ยิ่งแข็งขืนมากขึ้นไปอีก แวมไพร์หนุ่มยิ้มเยาะ พลางหัวเราะเสียงต่ำลึกในลำคอ “ ฉันไม่แปลกใจที่นายจะรู้สึกคึกขึ้นมา สำหรับผู้ชายการได้เห็นสิ่งยั่วยุแล้วจะของขึ้นมันเป็นเรื่องปกติ  ก็แหม...เท็ตสึน่ารักตั้งขนาดนี้ นายคงอดใจไม่ไหวใช่ไหมล่ะ”
เด็กหนุ่มกัดฟันแน่น เลี่ยงที่จะตอบคำถามใดๆ อาโอมิเนะได้เห็นเช่นนั้นก็กรีดยิ้มร้าย ความคิดบางอย่างแวบเข้ามาในหัวสมอง “งั้นเอางี้ พอดีว่าฉันมันก็ไม่ใช่คนใจร้ายเสียด้วยสิ”
ทันใดนั้นอยู่ๆ อาโอมิเนะก็ลุกขึ้นยืนโดยที่แก่นกายหนายังคงสอดคาไว้ในช่องทางรักสีชมพูอยู่  ฝ่ามือแข็งแรงทั้งสองจับที่ต้นขาเรียวบางทั้งสองข้างยกขึ้นเพื่ออุ้มคนตัวเล็กด้วยเช่นกัน ทว่าท่าอุ้มที่ทำให้เรียวขาอ้าออกกว้างเช่นนี้กลับยิ่งทำให้คนตัวเล็กรู้สึกอายมากยิ่งขึ้นเป็นเท่าตัว  ดวงตากลมเหลือบมองอาโอมิเนะด้วยแววตาตื่นกลัว ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขาเชื่อมั่นว่ามันไม่มีทางใช่เรื่องดีแน่...
“เอาล่ะโองิวาระ นายคงจะทำไม่สะดวกสินะ เพราะมือถูกมัดอยู่ งั้นฉันจะช่วยเอง” แวมไพร์หนุ่มก้าวเท้าเข้ามาหา คำพูดของอีกฝ่ายทำให้โองิวาระขมวดคิ้วยุ่ง แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกสังหรณ์ไม่ดีจนเหงื่อซึมตามผิวหน้า
“อะ...อาโอมิเนะคุง  คุณจะทำอะไร...” คนตัวเล็กเองก็รู้สึกสังหรณ์ไม่ดีไม่ต่างจากโองิวาระ แต่ครั้นมองอาโอมิเนะด้วยสายตาเป็นคำถาม อีกฝ่ายกลับไม่ตอบอะไร...มีเพียงรอยยิ้มเหยียดบนมุมปากที่ช่วยตอกย้ำลางสังหรณ์ของคุโรโกะมากขึ้นไปอีก
“คงหนักสำหรับนายนะเท็ตสึ แต่ไม่เป็นไร...เดี๋ยวนายก็รู้เอง”
“!”
ทันใดนั้นเองอาโอมิเนะก็จับคุโรโกะให้นั่งลงบนตักของโองิวาระ ทว่ามันกลับไม่ใช่การนั่งตามปกติ แต่ชายหนุ่มจับเอาแก่นกายที่แข็งขืนของอีกฝ่ายใส่บดเบียดเข้ามาในช่องทางโดยที่ยังมีของอาโอมิเนะใส่คาไว้อยู่
“อ๊า!!!” เสียงร้องแห่งความเจ็บปวดดังขึ้น คุโรโกะดวงตาเบิกโพลงด้วยความทรมานพร้อมกับน้ำตาที่ไหลริน แค่ใส่มาอันเดียวเขาก็เจ็บปวดทรมานปานร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ขนาดส่วนของโองิวาระยังไม่ใส่เข้ามาจนสุดยังเจ็บขนาดนี้...แล้วถ้ามันใส่เข้ามาหมดได้มันจะเจ็บขนาดไหน...
อาโอมิเนะเองก็ลำบากไม่น้อยที่จะฝืนยัดใส่เข้าไปในท่าที่ตัวเองไม่ถนัด เขาจึงค่อยๆ ถอนแก่นกายของตัวเองออกแทน แล้วจับกึ่งบังคับให้คุโรโกะรับส่วนแก่นกายอันแข็งขืนของโองิวาระเข้าไป และเพราะช่องทางรักสีชมพูมีน้ำสีขาวขุ่นหล่อลื่นมันจึงทำให้ง่ายต่อการสอดใส่ ทว่ามันกลับไม่ง่ายเลยต่อความรู้สึกของคุโรโกะ
“อึก...ฮึก”   คุโรโกะที่ถูกจับกึ่งบังคับให้นั่งบนตักโองิวาระได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น ความเจ็บปวดอันชั่ววูบเมื่อครู่ทำให้เขาเริ่มกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ เขาซบใบหน้าลงบนไหล่ของโองิวาระ สองมือบางจิกแขนเสื้อของเพื่อสนิทแน่น เรียวฟันขาวกัดริมฝีปากล่างเบาๆ จนเลือดออก
“ค...คุโรโกะ...” เด็กหนุ่มที่โดนมัดอยู่บวกกับสภาพที่โดนซ้อมมาแทบปางตายไม่อาจขยับได้อย่างที่ใจคิด แต่เขาก็รับรู้ได้ว่าคนตัวเล็กกำลังร้องไห้  เขาส่งเสียงเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ อยากจะบอกให้คนตรงหน้ารับรู้แทบขาดใจว่าเขาไม่ได้ต้องการแบบนี้  ถึงกระนั้นริมฝีปากกลับสั่นระริกจนพูดออกมาเป็นประโยคไม่ได้
คนตัวเล็กส่ายหน้าไปมาช้าๆ ก่อนจะเคลื่อนริมฝีปากไปกระซิบข้างใบหูด้วยน้ำเสียงของคนกำลังร้องไห้ “ขอโทษครับ...ฮึก...ผมขอโทษ  ขอโทษ...ฮึก...ขอโทษ”
“อะไร...นายพูดอะไร  ขอโทษฉันทำไม...” โองิวาระเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ
“ขอโทษนะครับที่ทำให้คุณต้องมาเจอเรื่องแบบนี้  ขอโทษ...ฮึก...ผมขอโทษ...”
“พูดอะไรน่ะ...ฉันไม่ได้...”
“ได้โปรดครับ...ผมขอร้อง  ได้โปรดอย่ามองผมเลย...ฮึก...ตัวผมในตอนนี้น่ะ”
“คุโรโกะ...”
“ขอร้องล่ะครับ  ถึงคุณจะเห็นผมเป็นแบบนี้...” คุโรโกะเงยหน้าขึ้นมองโองิวาระทั้งน้ำตา “แต่เราก็ยังกลับมาเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหมครับ...”
“...”
คำพูดของคุโรโกะไม่สามารถเรียกเอาคำตอบจากเพื่อนสนิทได้ภายในชั่วเสี้ยววินาที  มันทำให้คนตัวเล็กหน้าถอดสีครั้นเห็นเด็กหนุ่มหันหน้าหนีเขาด้วยสีหน้าลำบากใจกับคำถามที่เขาถามไปก่อนหน้านี้ และไม่รู้ทำไมริมฝีปากบางถึงคลี่ยิ้มอย่างสิ้นหวังออกมา...
อา...นั่นสินะ  เจอไปตั้งขนาดนี้จะให้กลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเมื่อก่อนได้ยังไงกัน...
...ความรู้สึกบางอย่างมันคงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว...
“เฮ้ คุยกันพอแล้วมั้ง”
“อึก!” คุโรโกะนิ่วหน้าด้วยความเจ็บครั้นอาโอมิเนะยื่นมือมาจิกเรือนผมสีฟ้าเบาๆ แต่ด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิดของแวมไพร์มันกลับทำให้คนตัวเล็กรู้สึกเจ็บจนน้ำตาคลอ
“จ...เจ็บครับ  ฮึก...ปล่อย”
“โอ๊ะๆ ปล่อยก็ได้”  ฝ่ามือหนาปล่อยเส้นผมสีฟ้าครามออกจากฝ่ามืออย่างอารมณ์ดี ทว่าเขากลับจับบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาแทน...
แวมไพร์หนุ่มจับท่อนเนื้อร้อนอันแข็งขืนบดเบียดเข้าไปในช่องทางของคุโรโกะอย่างไม่ปราณี โดยไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าอีกฝ่ายจะเจ็บหรือไม่ ส่งผลให้ร่างบางร้องลั่นทันทีด้วยความเจ็บ
“อึก!...ผมเจ็บ  หยุดเถอะครับ จ...เจ็บ...ฮึก”
 ร่างบอบบางสั่นระริกไปทั้งกายครั้นสัมผัสได้ว่าช่องทางมีสิ่งๆ นั้นสอดแทรกเข้ามาสองอัน  มันทำให้เขาเจ็บจนแทบอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ รู้สึกเหมือนร่างกายกำลังถูกฉีกขาดทีล่ะเล็กล่ะน้อยอย่างโหดร้าย
“ฮึก...เจ็บ  ไม่เอาแล้ว...ไม่เอาแบบนี้” คนตัวเล็กโอบกอดโองิวาระแน่นเพื่อระบายความเจ็บปวดจนเสื้อยับยู่ยี่ สัมผัสที่อาโอมิเนะฝืนใส่เข้ามาในตอนแรกเพื่อชิงความบริสุทธิ์เขาก็เจ็บแล้ว แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บที่เขากำลังได้รับในตอนนี้  มันทรมานจนแทบบ้า...ไม่อาจหยุดน้ำตาที่ไหลรินได้
*...ไม่เคยนึกไม่เคยฝันมาก่อนว่า ‘*ครั้งแรก’ ของเขามันจะถูกกระทำอย่างทารุณขนาดนี้...
ดูเหมือนเสียงร้องแห่งความเจ็บปวดจะดังไปไม่ถึงหูของอาโอมิเนะเสียล่ะมั้ง  คนร่างสูงโปร่งไม่มีทีท่ว่าจะฟังเลยแม้แต่น้อย แต่กลับกดร่างกายของคุโรโกะให้แนบชิดติดกับโองิวาระมากขึ้น  สองมือหนาจับเอวบอบบางไว้แน่นก่อนจะออกแรงขยับสะโพกแกร่งเข้าเบาๆ แต่ทุกวินาทีที่แก่นกายใหญ่แทรกเข้ามามันกลับทำให้ความเจ็บปวดแล่นขึ้นมาถึงสมอง
“อึก! อื้อ!! เจ็บ...ฮึก....ขอร้องล่ะครับ  หยุดเถอะ...อ๊า!!!”
ความเจ็บครั้งนี้มันเทียบกับในตอนที่อาโอมิเนะทำกับเขาครั้งแรกไม่ได้เลยแม้แต่น้อย  ครั้งนี้มันเจ็บราวกับร่างกายกำลังปริแตก  มือบางทั้งสองข้างจิกหลังโองิวาระแน่นจนทะลุเนื้อผ้าเข้าไปถึงแผ่นหลัง ก่อให้เกิดรอยเล็บยาวเป็นทาง  เด็กหนุ่มทำหน้าเหยเกเล็กน้อยด้วยความเจ็บ  ทว่าความเจ็บนี้คงจะเทียบไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยวเดียวของคุโรโกะ เขาเหลือบมองคนตัวเล็กน้อยๆ ด้วยความเป็นห่วง  สีหน้าของร่างบางมันไม่ใกล้เคียงกับคำว่ามีความสุขจากเพศสัมพันธุ์เลยแม้แต่น้อย
“คุโรโกะ...” เขากระซิบเรียก แต่คุโรโกะไม่ได้ยิน  โองิวาระพยายามขยับตัว...แต่เชือกที่มัดเขาไว้ช่างแน่นหนาไม่ต่างอะไรจากงู
“ผ่อนคลายไว้เท็ตสึ”
คำปลอบประโลมที่คนตัวเล็กไม่เคยต้องการกระซิบที่ข้างใบหู  ริมฝีปากบางพรมจูบที่ต้นคออย่างแผ่วเบา ทว่าเพียงไม่นานชายหนุ่มก็กดคนตัวเล็กให้ลงในน้ำหนักมา แล้วออกแรงขยับสะโพกให้เร็วขึ้นบดเบียดกับแก่นกายของโองิวาระที่อยู่ภายใน
“อึก!  อ๊า!! ผะ...ผมเจ็บ  ฮึก...”
แรงเสียดสีที่เกิดขึ้นพร้อมกันกับขนาดที่เพิ่มขึ้นมาเป็นเท่าตัวในช่องทางทำให้คนร่างเล็กรู้สึกจุกในท้องน้อย และมันยังคงสร้างความเจ็บปวดให้แก่คนตัวเล็กไม่น้อย คุโรโกะยังคงกรีดร้องด้วยความทรมาน สองแขนเล็กๆ โอบกอดรอบคอโองิวาระไว้แน่น พลางซุกหน้าลงไปบนไหล่เพื่อระงับความเจ็บปวด น้ำตาไหลออกมาพร้อมๆ กับที่น้ำตาของโองิวาระก็ไหลรินออกมาเช่นเดียวกัน  ทั้งสองต่างร้องไห้อย่างเงียบงัน เจ็บใจ...และสมเพชในตัวเอง  สมเพชในความอ่อนแอของตนที่ไม่มีพละกำลังลุกขึ้นมาสู้อะไรได้
เสียงผิวกายที่สัมผัสกันของคนทั้งสามยังคงดังต่อไปท่ามกลางห้องสี่เหลี่ยม และแสงจันทร์ศียวลที่สาดส่องลงมา เสียงร้องแห่งความเจ็บปวดทรมานยังคงดังต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าว่ามันจะเบาลง เป็นตัวบ่งบอกว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานกี่นาทีอาโฮมิเนะก็ไม่คิดที่จะทะนุถนอมคนตัวเล็กบางเลย และช่วงเวลาอันไม่น่าจดจำแสนทรมานของเด็กน้อยอายุ 16 ก็ยังคงดำเนินต่อไป โดยไม่มีแววว่ามันจะหยุดลงเลยแม้แต่น้อย...
...
...
...
คนตัวเล็กจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองถูกกอดไปกี่ครั้ง ถูกปลดปล่อยใส่ข้างในไปกี่น้ำ ถูกอาโอมิเนะจับเล่นท่าอะไรบ้าง ถูกจูบไปเท่าไร ถูกประทับรอยสีกุหลาบบนร่างกายตรงไหน...เขาไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง  รู้สึกเพียงแค่น้ำสีขาวขุ่นจำนวนมากที่เลอะอยู่ภายในช่องทาง ปริมาณของมันเต็มล้นแค่ไหนอาโอมิเนะก็จะเอานิ้วเขี่ยน้ำออก แล้วปลดปล่อยใส่ใหม่ทุกครั้ง  ซ้ำแล้วซ้ำเล่าๆ  หลั่งไหลออกมามากมายไม่ขาดสาย ความอึดของแวมไพร์ทำให้ร่างกายเล็กๆ อันเปราะบางเริ่มบอบช้ำ จำนวนครั้งอันนับไม่ถ้วนที่ถูกกระทำทำให้สติของเขาเลื่อนลอย  ไม่อาจรู้ได้ว่าตัวเองถูกย่ำยีไปกี่ครั้ง แต่มันก็นานมากพอที่จะทำให้สติของเขาพลันดับลงไป...
คุโรโกะนอนอย่างเมื่อยล้าบนเตียงนอน นัยน์ตาคมกริบสีน้ำเงินไพลินเหลือบมองร่างบอบบางที่บัดนี้เต็มไปด้วยรอยช้ำและรอยจูบเต็มร่างกาย ครั้นไล่สายตาต่ำลงมาก็จะเห็นน้ำสีขาวขุ่นจำนวนมากเปรอะเปื้อนอยู่ที่ช่องทางจนไหลล้นออกมาข้างนอก  อาโอมิเนะหลับตา...ก่อนที่เขาจะห่มผ้าให้คุโรโกะอย่างแผ่วเบา
ชายหนุ่มใส่กางเกงเรียบร้อยเหลือเพียงแค่ท่อนบนที่เปลือยเปล่า ใบหน้าหล่อเหลาหันกลับมามองโองิวาระที่ตอนนี้จ้องเขาด้วยสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“จ้องฉันแบบนั้นมันหมายความว่ายังไง นายควรจะขอบคุณฉันด้วยซ้ำ” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างหาเรื่องด้วยรอยยิ้มกวนประสาท ก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้ามาหา
“เรื่องอะไร...” เขาเอ่ยเสียงเบา
อาโอมิเนะยิ้มเยาะ “ก็เรื่องที่ฉันอุตส่าห์ใจดีให้นายทำกับเท็ตสึไง ไม่คิดว่าดีหรือไง?”
“ฉันไม่ได้อยากทำ...”
“อย่ามาโกหกน่ะ!”
“อึก!!!”
แล้วอาโอมิเนะก็เตะเข้าที่กลางลำตัวจนโองิวาระจุกไปถึงข้างใน เขาเดาะลิ้นด้วยความหัวเสีย ออกแรงเพียงแค่นิดเดียวเชือกที่มัดอีกฝ่ายไว้ก็ขาด แต่อาโอมิเนะไม่ปล่อยให้โองิวาระได้ลุกขึ้นสู้ เขาจัดการกระทืบซ้ำไปอีกหนึ่งที ก่อนจะเหยียบอกของอีกฝ่ายเต็มแรง และกดย้ำอยู่อย่างนั้นไม่ให้ลุกขึ้นมาได้
“ป่านนี้แล้วยังจะมาโลกสวยอยู่อีก  นายเองก็รู้สึกดีไม่ใช่หรอตอนทำกับเท็ตสึ อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องหน่อยเลย!” เขาออกแรงบดขยี้ ด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลของแวมไพร์ทำให้มนุษย์อันไร้ทางสู้อย่างโองิวาระมีเลือดออกปาก เขาไอแค่กๆ เพื่อสำลักเลือด ทว่าแววตากลับสู้อาโอมิเนะขาดใจ
“เออ! ก็ได้ ฉันยอมรับก็ได้ว่าฉันรู้สึกดีตอนที่ทำกับคุโรโกะ แต่ฉันไม่เหมือนนาย!” เขาตะโกน “อย่างน้อยฉันก็ไม่เคยข่มขืนเขาเหมือนกับนาย!”
“!” คำพูดของโองิวาระทำให้แวมไพร์หนุ่มรู้สึกโกรธจนหน้าแดงก่ำ เขากระทืบโองิวาระซ้ำอยู่หลายที ก่อนจะหักแขนข้างขวาของโองิวาระทิ้งจนกระดูกหัก
“อ๊ากกกก!” เด็กหนุ่มร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เขายื่นมือไปจับแขนที่หักผิดรูปของตัวเองด้วยความเจ็บปวด อาโอมิเนะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายพักนาน เขากระทืบซ้ำอยู่หลายเท้าด้วยกันจนร่างของโองิวาระมีแต่รอยฟกช้ำ ใบหน้าของอีกฝ่ายบวมช้ำพร้อมกับรอยเลือดที่เลอะกระเซ็น  ริมฝีปากแตกและมีแต่เลือดอยู่เต็มปาก  อาโอมิเนะยิ้มเยาะอย่างสะใจก่อนจะจิกเรือนผมสีน้ำตาลขึ้นอย่างแรง
“ฉันจะทำอะไรมันก็ไม่ใช่กงการอะไรของนาย นายมันก็แค่คนขี้ขลาด” เขาเอ่ยอย่างดุดัน “แกเองก็ดูท่าไม่ใช่คนโง่ มาจนตั้งขนาดนี้แกคงจะรู้แล้วสินะ...”
“...”
“ว่าฉันเป็นแวมไพร์”
“...” โองิวาระเค้นหัวเราะในลำคอทั้งที่มุมปากมีแต่เลือด “แต่เพราะแบบนั้นฉันถึงยิ่งเข้าใจ  ว่าทำไมคนอย่างนายถึงต้องทำถึงขนาดนี้เพื่อให้ได้คุโรโกะมาครอง”
“อะไร ฉันไม่เข้าใจ?” อาโอมิเนะขมวดคิ้ว
โองิวาระคลี่ยิ้มน้อยๆ ก่อนที่เขาจะเบนสายตาขึ้นมองอาโอมิเนะด้วยแววตาสมเพช “เพราะปีศาจอย่างนาย...ไม่รู้จักสิ่งที่มนุษย์เรียกว่า ‘ความรัก’ ยังไงล่ะ”
“!”
“การมีชีวิตอยู่เป็นร้อยปีโดยไม่ข้องแวะกับใครทำให้นายไม่ได้เรียนรู้กับนิสัยของผู้คน ความรักที่นายบอกคุโรโกะน่ะมันมากแค่ไหนกันเชียว  มากขนาดตายแทนได้หรือเปล่า? หรือมันเป็นแค่คำพูดที่อยากจะพูดก็พูดได้ง่ายๆ?”
“...”
“ใจจริงนายก็คงจะรู้อยู่แก่ใจว่าคุโรโกะชอบคนอื่น  คนอื่นที่ทั้งฉันและนายต่างก็ไม่รู้ว่าใคร”
“...”
“นายมันก็แค่คนเห็นแก่ตัว  ทำตัวเหมือนเด็ก อยากได้อะไรก็ต้องได้โดยไม่แคร์ว่าจะต้องได้มาด้วยวิธีอะไร นั่นจึงเป็นเหตุผลที่นายข่มขืนคุโรโกะ  ความคิดโง่ๆ”
“...”
“นายคิดว่าบางทีถ้าคุโรโกะตกเป็นของนายด้วยร่างกายแล้วเขาจะเปลี่ยนใจมารักนายสินะ  โทษที...นายคิดผิดแล้ว”
“...”
“อย่าดูถูก ‘ความรัก’ ของมนุษย์จะดีกว่านะ”
อาโอมิเนะที่ทนฟังมานานพลันสติแตกในวินาทีนั้น หน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ รู้สึกโกรธไอ้มนุษย์หน้าโง่นี่ที่พล่ามอะไรก็ไม่รู้ตั้งนานสองนาน เรื่องนั้นเขาไม่เห็นจะสนใจ  ร่างกายของคุโรโกะเป็นของเขาแล้ว แล้วทำไมเขาจะต้องมาแคร์เรื่องอื่นด้วย! นัยน์ตาคมกริบสีน้ำเงินไพลินแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำไม่ต่างจากเลือด ริมฝีปากบางแยกเขี้ยวออกจนเห็นเขี้ยวแวมไพร์ออกมาปรากฏแก่สายตา เล็บยาวอันแหลมคมงอกออกมาอย่างฉับพลัน และนั่นคือสิ่งที่ตอกย้ำให้โองิวาระรู้สึกตัวว่า ‘นี่แหละแวมไพร์’
หากถามเขาว่ากลัวไหม...ถ้าตอบว่าไม่ก็คงจะโกหกสินะ
แต่ว่าเขาเตรียมใจมาพร้อมแล้ว  จะว่าไปก็นึกถึงคำพูดหนึ่งที่อาโอมิเนะเคยพูดทิ้งไว้ตอนเจอกันครั้งสุดท้ายก่อนหน้านี้
*‘*แล้วนาย...จะได้รับความทุกข์ทรมานที่เจ็บปวดยิ่งกว่าความตาย’
บางที...คำพูดนั้นมันก็ไม่ผิดซะทีเดียวหรอก...
...
...
...
เปลือกตาบางค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นในเวลาต่อมา ทว่ามันกลับรู้สึกลำบากในการจะฝืนให้มันลืมขึ้น คุโรโกะรู้สึกเหมือนหนังตาถูกถ่วงด้วยตะกั่วหนักๆ มันหนักอึ้งและรู้สึกปวดกระบอกตาไปหมด แต่ถึงกระนั้นร่างบางก็ฝืนลืมตาขึ้นมาในท้ายที่สุด  แสงสีดำมืดที่สาดส่องเข้ามาผ่านทางหน้าต่างบ่งบอกเวลาเช้ามืดของวัน คนตัวเล็กพยายามจะลุกขึ้นนั่ง แต่แล้วก็ต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บแล้วล้มลงไปนอนที่เตียงดั่งเดิมครั้นความเจ็บสะโพแล่นเข้ามาในสมอง มันทั้งปวดร้าวและระบมไปทั้งร่าง อย่าว่าแต่เดินเลย แค่ลุกขึ้นนั่งคุโรโกะก็รู้สึกเจ็บเหมือนมีใครเอาเข็มมาทิ่มทั้งร่างด้วยซ้ำ
คนตัวเล็กครางเสียงเบาด้วยความเจ็บ  ขาเรียวบางทั้งสองสั่นพั่บๆ ไม่ต่างจากลูกกวางเพิ่งเกิด เขาพยายามจะออกแรงขยับ แต่ทว่าขาทั้งสองข้างของเขามันกลับไม่ยอมขยับดั่งที่ใจคิด เขาไล่สายตามองตามเรือนร่างของตัวเองด้วยหัวใจกระตุกวูบ ทันใดนั้นเองภาพทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็แล่นเข้ามาในสมองราวกับเทปที่กรอกลับ
“!”
เมื่อภาพทุกอย่างชัดเจนในสมอง คุโรโกะก็ดวงตาเบิกโพรงด้วยความตกใจ ร่างบางตัวสั่นระริกด้วยความกลัว พลางกอดตัวเองแน่น ทั่วทั้งตัวของเขามีแต่รอยช้ำและรอยจูบอันน่ารังเกียจ ผ้าห่มที่ปกคลุมส่วนล่างไว้ทำให้คนตัวเล็กรู้สึกกลัว...กลัวที่จะเปิดมันขึ้นมา
...ท้ายที่สุดคุโรโกะก็ค่อยๆ เปิดมันออก และสิ่งที่เห็นกลับทำให้น้ำตาเคยหยุดไปพลันไหลออกมาเสียดื้อๆ
ช่องทางของเขามีแต่น้ำเหนียวสีขาวขุ่นไหลออกมาพร้อมกับเลือดจากช่องทางที่ฉีกขาด...  ตามระหว่างขามีแต่บาดแผลรอยแดงที่เกิดจากการเสียดสี  คุโรโกะร้องไห้กับตัวเองในใจอย่างทรมาน ก่อนที่ร่างบางจะโอบกอดตัวเองแน่น พลางก้มหน้าทั้งน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เล็บจิกเข้าไปในเนื้อตัวเองยามที่โอบกอดร่างอันเปราะแตกของตน ราวกับว่าอ้อมแขนของตัวเองมันคือที่พึ่งสุดท้ายที่ตนมี
คุโรโกะไม่เคยรู้ว่าการถูกข่มขืนมันเป็นเช่นไรจนกระทั่งวันนี้...เขาเคยเห็นผ่านๆ บ้างทางนิยายหรือละคร แต่ว่าสิ่งที่แสดงออกมาผ่านช่องทางเหล่านั้นกลับไม่ใกล้เคียงกับความจริงที่เขากำลังเผชิญอยู่เลยแม้แต่น้อย... เขาทั้งรู้สึกเจ็บปวด และอับอาย ยิ่งคนที่กระทำเรื่องแบบนี้ได้หน้าตาเฉยคือคนที่ไว้ใจเขาก็ยิ่งเสียใจ  หัวใจมันแตกเป็นเสี่ยงๆ อย่างไม่มีวันย้อนคืนได้ ร่างทั้งร่างเจ็บช้ำไม่มีแม้แต่การปลอบโยน...
“ฮึก...ฮึก” ร่างบอบบางสั่นไหวไปมาอย่างน่าสงสาร เจ็บทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ แวบหนึ่งในใจเขาคิดว่าเรื่องที่เกิดทั้งหมดเป็นแค่ฝันร้ายอันยาวนาน และมันจะจบลงเมื่อเขาตื่นขึ้น  แต่ทว่าเขาก็ทำได้แค่หลอกตัวเอง...ทั้งหมดนั่นมันไม่ใช่ฝัน แต่มันคือความจริงที่โหดร้ายยิ่งกว่าความฝัน...
ร่างกายของเขามีแต่ความโสมม และสกปรกโสโครก ครั้งแรกอันแสนเจ็บปวดทรมานอันไม่น่าจดจำกลับฝังรากลึกลงไปในสมองของเขา คุโรโกะกรีดร้องในใจอย่างทรมาน เริ่มถามกับตัวเองซ้ำๆ ว่าทำไมตัวเองจะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ เขาทำผิดอะไร... มันมากขนาดที่ว่าเขาจะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เลยงั้นหรือ...
“อืม...” เสียงครางต่ำของคนเพิ่งตื่นนอนข้างๆ ทำให้คนตัวเล็กสะดุ้งโหยง ด้วยความหวาดกลัวที่มีอยู่อย่างเต็มหัวใจทำให้ดวงตากลมเบิกโพรง ใบหน้าหวานหันรีหันหวางอย่างร้อนรน เป็นครั้งแรกที่รู้สึกหวาดกลัวอะไรสักอย่างจนเหมือนคนบ้า
“ฮึก...ไม่...อย่า  อย่า...” เสียงสั่นสะอื้นเปล่งออกมาจากริมฝีปากอันสั่นระริก ก่อนที่เขาจะพาร่างอันบอบช้ำของตัวเองกระเถิบหนีอาโอมิเนะด้วยแววตาหวาดกลัวสุดหัวใจ ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายยังไม่ได้ทำอะไรเลยแม้แต่น้อย... 
อาโอมิเนะค่อยๆ ลุกขึ้นพลางบิดขี้เกียจ แล้วอ้าปากหาวน้อยๆ ย่างคนสบายอกสบายใจจากการตื่นนอน เขาเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะหันหน้ามามองคุโรโกะด้วยสายตางงๆ ว่าเจ้าตัวเป็นอะไร
“เป็นอะไรไปเท็ตสึ?”
“...”
คนตัวเล็กไม่ตอบอะไร  น้ำตาไหลผ่านแก้มอย่างเงียบงัน แววตากลับมีแต่ความหวาดกลัวที่มีต่ออาโอมิเนะ ใบหน้าหวานซีดเผือดไร้ซีของเลือด คุโรโกะค่อยๆ ยกผ้าห่มขึ้นมาปิดบังร่างกายอย่างระวังตัว  อาโอมิเนะมองคนร่างเล็กด้วยความสงสัย ไม่รู้ว่าทำไม...แต่เขาไม่ชอบเลยแววตาแบบนั้น
...แววตาที่เหมือนกำลังมองสัตว์ประหลาดที่ตัวเองกลัว...
“เฮ้ เท็ตสึ...” อาโอมิเนะยื่นมือเข้าไปหาคุโรโกะด้วยรอยยิ้ม แต่ว่า...
“อย่า! อย่ามาแตะต้องผมนะ!!!” คุโรโกะร้องลั่นทั้งน้ำตาก่อนจะยกมือขึ้นมาปัดป้องเต็มที่ พลางเอามันมาบังหน้าตกเองไว้ด้วยร่างกายที่สั่นเทา  อาโอมิเนะชักมือกลับด้วยความตกใจ นัยน์ตาคมสีน้ำเงินเข้มมองภาพตรงหน้าอย่างไม่อาจเชื่อสายตาตัวเอง
“ทะ...เท็ตสึ  นี่...เป็นอะไรไป? ถ้าโองิวาระล่ะก็ หมอนั่นกลับบ้านไปแล้วนะ ไม่ต้องห่วงหรอก”
อาโอมิเนะค่อยๆ เขยิบตัวเข้ามาใกล้  คุโรโกะดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ เขาร้องลั่นก่อนพยายามจะลุกหนี แต่สังขารที่ยังไม่แข็งแรงดีทำให้ร่างของคุโรโกะตกลงเตียงและล้มลงไปนอนที่พื้นอย่างหมดสภาพ อาโอมิเนะทำหน้าตกใจก่อนจะรีบเดินลงเตียงเพื่อลงไปประคองคนตัวเล็กขึ้น แต่ว่า...
“ไม่! ไม่! อย่า!  ฮึก...อย่ามาแตะผม”  คนตัวเล็กยกมือขึ้นมาปัดป้องตัวเองอย่างสุดความสามารถทั้งน้ำตา มือหนาที่กำลังจะยื่นไปช่วยเหลือพลันหยุดลงในวินาทีนั้น  เขามองคุโรโกะด้วยแววตาไม่เข้าใจ...ว่าเพราะอะไรคุโรโกะถึงต้องกลัวเขาขนาดนั้น
“เท็ตสึ  ใจเย็นๆสิ  นายยังไม่โอเคนะ  ฉันว่านายไปนอนพักสักหน่อยดีกว่า---“ อาโอมิเนะเอ่ยด้วยความหวังดี เขาพยายามจะช่วยยกคุโรโกะขึ้นมานอนบนเตียง แต่ว่า...
“ไม่นะ! ขะ...ขอโทษครับ!  ฮึก...ผมขอโทษ...อย่าทำร้ายผมเลย” เสียงอันน่าสงสารเอ่ยออกมาอย่างอ้อนวอนสะกดให้อาโอมิเนะนิ่งงันด้วยความช็อก และภาพที่เห็นกลับทำให้หัวใจของอาโอมิเนะพลันกระตุกวูบและเจ็บแปลบๆ ด้วยความรู้สึกประหลาดบางอย่างที่เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร...
สิ่งที่เขาเห็นคือแววตาของคุโรโกะที่มองมาที่เขาด้วยสายตาหวาดกลัวสุดหัวใจ มันเป็นแววตาของคนที่กำลังกลัวอะไรบางอย่างจนขึ้นสมอง เป็นแววตาที่ไม่หลงเหลือความไว้เนื้อเชื่อใจใดๆ อยู่ข้างใน  เขาจำแววตานั้นได้ดี...มันคล้ายกับแววตาของเขาในวันที่ถูกโยนลงหน้าผาเพื่อฝึกบิน ทั้งที่ปีกของเขายังไม่แข็งแรงพอ เป็นแววตาของคนที่สิ้นหวังต่อคนที่ตัวเองเคยเชื่อใจ...
“เท็ตสึ...” อาโอมิเนะลองยื่นมือไปสัมผัสที่ขาคุโรโกะเบาๆ ทันใดนั้นเองอีกฝ่ายก็ปัดมือเขาออกด้วยท่าทางหวาดกลัวแล้วยกมือขึ้นมาโอบกอดตัวเอง
“อย่ามาแตะ!  อย่ามาแตะผมนะ!!!” คุโรโกะร้องไห้ด้วยหน้าตาอันดูไม่ได้ แขนเรียวบางโอบกอดตัวเองไว้แน่น “อย่าทำร้ายผมเลยครับ...ฮึก...ผมกลัวแล้ว  ฮึก...ได้โปรดอย่าทำรายผมเลย”
คำพูดของคุโรโกะและท่าทางอันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเหมือนกับคมมีดที่แทงเข้าไปในหัวใจของอาโอมิเนะทีล่ะครั้งๆ  ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาสัมผัสที่หน้าอกตัวเองเบาๆ ความเจ็บปวดทรมานอันไม่ทราบที่มารุมเร้าเข้ามาในอก  ราวกับว่ากำลังถูกมีดกรีดเซาะชิ้นเนื้ออกมาเป็นชิ้นๆ  เขาไม่เข้าใจเลย...ทำไมเขาถึงรู้สึกแบบนี้ล่ะ  ทั้งที่ก็ไม่ได้ถูกมีดแทงเข้าที่หัวใจสักหน่อย...
...แล้วความเจ็บปวดนี้มันมาจากไหนกัน...
...ทำไมล่ะ?  สิ่งที่เขาทำมันผิดมากเลยอย่างงั้นหรอ? สิ่งที่เขาทำมันทำให้คุโรโกะหวาดกลัวเขามากขนาดนี้เลยงั้นหรอ?...
...เขาทำอะไรผิด...
อะไรที่มันผิดพลาดไปล่ะ...มันคืออะไ?
“ทะ...ทะ...”  ทันใดนั้นริมฝีปากบางก็พึมพำอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่คำเดิม  อาโอมิเนะเงียบและรอฟัง...
ทว่าคำพูดของคุโรโกะกลับทำให้หัวใจของอาโอมิเนะกระตุกวูบไหวอีกคราด้วยความเจ็บปวด...คนตัวเล็กสะอึกสะอื้นทั้งน้ำตา ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองแวมไพร์หนุ่มด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเสียใจจนคนมองแทบน้ำตาไหล...
“ทั้งที่ผมเชื่อ...ว่าคุณไม่เหมือนคนอื่น...”
“...”
“ทั้งที่ผมเชื่อ...ว่าคุณเป็นที่พิงคนเดียวที่ผมมี”
“...”
“ทั้งที่ผมเชื่อ...ว่าถึงแม้ไม่ได้รักกันแต่เราก็เป็นเพื่อนกันได้”
“...”
“สุดท้ายแล้วสิ่งที่ผมเชื่อทั้งหมดก็เป็นแค่เพียงเรื่องเหลวไหว  มันไม่เคยเป็นความจริงมาตั้งแต่แรก...” ร่างบางเช็ดน้ำตาตัวเอง “ผมมันโง่เอง...ที่คิดว่าคุณจะเข้าใจ”
คนตัวเล็กค่อยๆ ลุกขึ้นยืนด้วยสภาพโซเซ  คนตัวเล็กเม้มริมฝีปากแน่นทั้งน้ำตาเพื่อพยายามกลั้นเสียงร้องไห้ของตนเอง  ในตอนแรกนั้นคุโรโกะตั้งท่าเหมือนจะล้มลงไป แต่ร่างบางก็อาศัยแรงเฮือกสุดท้ายที่มีประคองร่างกายตัวเองไว้ พลางจับเตียงไว้เป็นที่ทรงตัว 
ดวงตากลมโตสีฟ้าครามมองอาโอมิเนะชั่วครู่ด้วยแววตาที่ไม่อาจรู้ได้ว่าหมายถึงอะไร  ก่อนที่เขาจะค่อยๆ พาร่างอันบอบช้ำของตัวเองเดินออกจากห้องไปอย่างเชื่องช้าเพราะเจ็บสะโพกและช่องทาง โดยอาศัยการจับตามกำแพงในการเดิน 
ครั้นร่างบอบบางเดินไกลออกไป หูที่ไวเกินมนุษย์ของอาโอมิเนะก็ได้ยินเสียงร้องไห้อันแสนแผ่วเบาของคุโรโกะที่ดังมากับสายลมแผ่วๆ  เขาเหม่อมองเตียงหนาที่คนตัวเล็กเคยนอนอยู่ เบิ่งค้างมองคราบเลือดบนผ้าปูที่นอนสีขาวสะอาดด้วยแววตาเรียวเฉย ปลายนิ้วเรียบงามไล้ขึ้นไปสัมผัสมันเบาๆ ด้วยความรู้สึกที่ไม่มีใครรู้เว้นเสียจากตัวของอาโอมิเนะเอง...
...นี่ฉันกำลังทำอะไรอยู่...
...มันผิดมากขนาดนั้นเลยงั้นหรอ...
...ฉันจะไปรู้ได้ยังไงกัน  ก็ฉัน...
ไม่เคยได้รับความรักนี่
...
...
...
“โอ๊ย!”
ท้ายที่สุดแล้วร่างอันบอบช้ำก็ไม่อาจพาตัวเองไปได้ไกล  เดินมาได้ถึงกลางทางคุโรโกะก็สะดุดล้มลงไปนอนกองกับพื้นอย่างหมดสภาพ   ริมฝีปากบางเม้มแน่นเพื่อกลั้นเสียงร้องราวกับเด็ก แต่ถึงกระนั้นก็สะอุกสะอื้นอยู่ในใจอย่างเงียบงัน   เด็กน้อยริมครั้นจะให้ฝืนสังขารลุกขึ้นมาก็เป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าจะฝืน  ทั้งสะโพกและขาของเขาร้องบอกว่าไม่อยากเดินต่อแล้ว... เดินไม่ไหวแล้ว... คุโรโกะก็เข้าใจดีถึงสภาพร่างกายของตัวเองว่ามันเจ็บและระบมเกินกว่าจะเดินไหวแล้ว
แต่การมานอนอยู่ตรงนี้มันไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเลย ที่นี่คือทางเดิน...ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะมีใครผ่านไปมา  สภาพของเขามันดูไม่ได้แม้แต่น้อย ดวงตาของเขาก็บวมแดงและมีแต่น้ำตา  มันไม่ใช่สภาพที่ให้ใครต่อใครมาเห็นก็ได้ นั่นมันจึงเป็นเหตุผลเดียวที่เรียกให้คุโรโกะฝืนลุกขึ้นยืน  แต่ทว่า...
“โอ๊ย! ฮึก...” คนตัวเล็กร้องออกมาด้วยความเจ็บ  รู้สึกสมเพชตัวเองเหลือเกินที่ไร้พละกำลังและอ่อนแอ ครั้นไม่มีทางเลือกไหนเหลือให้ คนตัวเล็กจึงค่อยๆ ออกแรงคลานไปข้างหน้าเพื่อกลับห้องด้วยสภาพอันน่าสงสารจับใจ  คุโรโกะรู้ตัวดีว่าตัวเขาในตอนนี้มันน่าสมเพช แต่ว่าเขา...
...เดินต่อไปไม่ไหวแล้ว...
“อาคาชิ! อย่าเดินหนีฉันนะ ฉันยังพูดไม่จบ!”
“หนวกหูน่ะชินทาโร่”
ทันใดนั้นเองเสียงสองเสียงอันคุ้นหูก็ดังขึ้นอยู่ข้างหลังไกลๆ  ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก คุโรโกะหันไปมองข้างหลังอย่างตื่นกลัว  ทั้งเสียงพูดและเสียงคนเดินกำลังเข้ามาใกล้และกำลังมาทางนี้ในอีกไม่ช้า คุโรโกะจึงรีบพยายามจะลุกขึ้นยืนเพื่อหนีไปให้ไกล แต่แล้วร่างกายอันไม่รักดีกลับล้มลงรอบสองเหมือนอีหรอบเดิม
“โอ๊ย!”
ช่างเป็นเรื่องตลกร้าย พอคุโรโกะล้มลงรอบสองด้วยแรงกระแทกอย่างหนักกลับทำให้คนตัวเล็กเผลอร้องออกมาด้วยความเจ็บ และเสียงของเขากลับเรียกให้คนสองคนที่กำลังเดินมาทางนี้ได้ยิน และเดินเข้ามาใกล้เขาเร็วขึ้น และด้วยความเร็วของแวมไพร์ ทำให้ใช้เวลาเพียงไม่นานพวกเขาทั้งสองก็มาหยุดยืนอยู่ข้างหลังของคุโรโกะภายในวินาทีนั้นเอง
สายตาแรกที่ดวงตากลมโตสีฟ้าครามได้สบตาก็คือนัยน์ตาอันเย็นชาสีแดงทับทิม...ทั้งสองจ้องตากันอย่างเงียบงันโดยไม่มีใครพูดอะไรมาก่อน แม้ใบหน้าอันหล่อเหลาแสนเย็นชาของแวมไพร์หนุ่มจะราบเรียบ แต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความตกใจที่มิอาจปิดบังมิด  ดวงตาคมกริบสีแดงเข้มไล่สำรวจมองร่างบอบบางทั่วทั้งร่าง  ทั้งรอยช้ำ รอยจูบ ช่องทางอันฉีกขาดพร้อมกับเลือดและของโสมมที่ไหลออกมา แต่ไม่มีอะไรดึงดูดสายตาเขาได้เท่ากับใบหน้าหวานแสนงดงงามที่บัดนี้กลับเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาอันน่าสงสาร...
เพียงไม่นานริมฝีปากหยักสีแดงสดๆ ก็ค่อยอ้าออกน้อยๆ
“ใครทำนายร้องไห้  เท็ตสึยะ...”

__________________________________________________________________________________________
ขอโทษที่ห่างหายไปนานนะคะ ไรท?กลับเข้าสู่ช่วงอ่านหนังสืออีกครั้งเพราะคฝต้องสอบเข้าหาที่เรียนแล้ว โอยยย ชีวิตน่อชีวิต แล้วก็ขอบคุณทุกคนที่เคยเข้ามาให้กำลังใจไรท์เกี่ยวกับเรื่องการสอบในตอนที่ผ่านๆมาด้วยนะคะ น่ารักมากกก
มาอีก 50% แล้ววววว เอาจริงๆคือไรท์ไม่ได้แต่งncมานานมากกกก ก็เลยตะกุกตะกักไปบ้าง เอาเป็นว่าอ่านแล้วคิดนังไงก็อย่าลืมเม้นบอกเป็นกำลังใจให้ไรท์ด่วยนะ~ 5555 แต่ว่าของจริงที่เหลือยังไม่หมดเท่านี้นะคะ ส่วนที่เหลือทุกคนจะร้องไห้ จะฟินเว่อร์ หรือจะโกรธเกลียด อันนี้ไรท์ก็คงบอกไม่ได้นอกจากว่าทุกคนจะรออ่านนะคะ อาโฮ่นางนี่ร้ายจริงๆแต่ทุกคนอย่าเพิ่งพากันเกลียดนางเลยยยย เอาเป็นว่าขอขอบคุณทุกคนที่สละเวลาอ่านนะคะ ไรท์รักทุกคนจ้า ช่วยเม้นเป็นกำลังในให้ไรท์ด้วยนะ~~
(100%)หายไปนานแสนนานนนนนนนนนน นี่คงเป็นประโยคเปิดตัวของไรท์ไปแล้วแน่ๆเลย (ฮา) ยังไงขอประทานโทษสำหรับความล่าช้าจริงๆนะคะ ก็ไม่รู้ว่าจะหาเวลามาอัพแบบถี่ๆได้อีกเมื่อไร เพราะชีวิตในตอนนี้ก็ยุ่งวุ่นวายหน่อยๆ แต่ช่างมันเถอะ เรากลับเข้าเรื่องกันต่อ...ในตอนนี้ทุกคนรู้สึกอย่างไรก็คงจะหลากหลายความรู้สึกสินะคะ ไรท์ก็ไม่อยากพูดอะไรมากเพราะกลัวสปอย แต่ตอนต่อๆไปมันจะต้องยิ่งกว่านี้แน่ๆ ก็เสริมภูมิคุ้มกันให้นะคะ ไรท์เองก็สงสารน้องเหมือนกัน  แต่ไม่เป็นไรหรอกคะ...ทุกคนเป็นกำลังใจให้น้องเสมอ  ยังไงก็ขอขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ ไรท์รักทุกคนจ้า ช่วยเม้นเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ รักทุกคนค่า~~~
#ficvampireS

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น